Overlord Volume 5 Chapter 3

Chapter 3: Those Who Pick Up, Those Who Are Picked Up
****
Copy from Link


Part 1

เดือน8 วันที่ 26 เวลา 15.27


หลังจากส่งหญิงชราที่บ้านแล้ว เซบาสได้เดินทางกลับจุดหมายเดิมอีกครั้ง

เขาเดินมาสู่กำแพงที่ยาวสูงที่นึง


มันเป็นอาคารสามหลังแต่ละอาคารสูงถึงห้าชั้น ความสูงของมันสูงจนน่าประทับใจและความจริงคือมัน

สูงกว่าอาคารโดยรอบทั้งหมด

หอคอยแห่งนี้ยังถูกล้อมรอบด้วยอาคารสองชั้นติดกับอาคารหลัก


นี้คือที่ตั้งของสำนักงานใหญ่สมาคมเวทมนตร์แห่งราชอาณาจักร พวกเขาต้องการพื้นที่กว้างขวาง

สำหรับการพัฒนาเวทมนตร์และอมรมเหล่านักเวทย์รุ่นใหม่  เหตุผลที่พวกเขาสามารถซื้อที่ดินขนาด
ใหญ่แบบนี้ได้โดยไม่มีการสนับสนุนจากประเทศเป็นเพราะการขายไอเท็มเวทมนตร์ที่นักผจญภัยต้อง
ใช้เป็นอย่างมาก

หลังจากที่เซบาสเดินไปอีกสักเล็กน้อยเขาก็เห็นประตูที่ดูแข็งแรง มันเป็นประตูรั้วที่ตอนนี้เปิดอยู่

โดยมีทหารติดอาวุธประจำการอยู่ใกล้ๆ

ทหารไม่ได้กีดขวางใดๆเซบาส -พวกเขามองผ่านๆ- และให้เซบาสผ่านเข้าไป


มีบรรไดกว้างๆที่อยู่ด้านหน้าและประตูที่เปิดกว้างอย่างสง่าและชัดเจน โดยปกติแล้วประตูนี้เปิดไว้

สำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยว

หลังจากที่เข้ามาเซบาสเข้ามาอยู่ห้องโถงทีี่เป็นทางเข้าขนาดเล็กๆ โดยมีโคมไฟเวทมนตร์ห้อยประดับ

ระหว่างทาง

ทางด้านขวามีจุดพักเล็กๆเป็นโซฟาและเฟอร์นิเจอหลายชิ้น ทางด้านซ้ายมีบอร์ดสำหรับแจ้งเรื่องต่างๆ

และมีผู้ใช้เวทมนตร์กำลังสนทนากันอยู่บ้าง บางคนสวมเสื้อคลุมที่ดูเป็นผู้ใช้เวทมนตร์บางคนก็แต่งตัว
แบบนักผจญภัยทั่วไป

ด้านในสุดเป็นเคาน์เตอร์ที่มีหญิงสาวกับชายหนุ่มนั้งอยู่ พวกเขาสวมเสื้อคลุมและมีป้ายติดอยู่ที่หน้าอก

มันเป็นสัญลักษณ์เดียวกับทางเข้าหน้าตึก

ทั้งสองด้านของเคาน์เตอร์มีหุ่นตุ๊กตาไม้ยืนอยู่ มันมีความสูงเท่าๆกับมนุษย์เพียงแค่ไม่มีใบหน้าหรือจะ

เรียกได้ว่ามันคือโกเล็มไม้ เหตุผลที่พวกเขาไม่ได้ใช้ทหารยามทั่วไปเป็นเพราะมันคือความภาคภูมิใจ
ของสมาคมเวทมนตร์

เสียงรองเท้าของเซบาสดูมั่นคงและสม่ำเสมอขณะเขาเดินเข้าไปใกล้เคาน์เตอร์


ชายหนุ่มที่เคาน์เตอร์สังเกตเห็นเซบาสจึงทักทายเซบาสด้วยการมองอย่างเป็นมิตร.เซบาสพยักหน้า

ตอบกลับเซบาสเป็นลูกค้าประจำของที่นี้ดังนั้นทั้งสองคนเลยรู้จักกันดี

"ยินดีต้อนรับสู่สมาคมเวทมนตร์ท่านเซบาส วันนี้มีอะไรให้ช่วยหรอครับ"


"ฉันอยากซื้อม้วนคำภีร์เวทมนตร์หน่อยหน่ะ ขอดูจากรายการที่มีอยู่ได้ไหม"


"ได้ครับผม"


เด็กหนุ่มรีบหยิบหนังสือเล่มโตมาวางไว้บนเคาน์เตอร์ เขาต้องรีบเตรียมพร้อมเพราะเห็นเซบาสเข้ามา

ใกล้

หน้าหนังสือทำมาจากกระดาษคุณภาพสูงมันบางและขาวดั่งหิมะโดยมีปกที่ทำมาจากหนัง เป็นหนังสือ

บทความที่มีความประณีตมากตัวอักษรถูกตราตรึงไว้ในทองคำแค่มูลค่าของหนังสือเล่มนี้ก็เพียงพอที่จะ
ทำให้ขอทานศรัทธาได้

น่าเสียดายที่เซบาส ไม่สามารถอ่านมันได้ หรือจะพูดได้ว่าสิ่งมีชีวิตจากYGGDRASILไม่รู้จักภาษาของ

โลกใบนี้ แม้จะมีหลักการประหลาดที่ทำให้เข้าใจภาษาพูดกันได้ แต่ภาษาเขียนไม่ได้ถูกแปลไว้ด้วย

อย่างไรก็ตามนายเหนือหัวของเซบาสได้ให้ไอเท็มเวทมนตร์ที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้


เซบาสได้หยิบมันออกจากกระเป๋าเสื้อและเปิดออก


มันเป็นแว่นตาอยู่ด้านใน ขาของแว่นทำมาจากโลหะคล้ายแพลตตินัมเมื้อมองใกล้ๆก็ดูเหมือนมีตัวอักษร

อะไรบางอย่างสลักไว้ ตัวเลนส์เป็นคริสตัลมีลักษณะคล้ายน้ำแข็งสีน้ำเงิน

โดยการสวมใส่แว่นนี้จะทำสามารถเข้าใจข้อความที่เป็นลายลักษณ์อักษรผ่านทางเวทมนตร์


เซบาสกวาดสายตาไปที่หน้ากระดาษต่างๆจากนั้นเขาก็หยุดลง เขาละสายตาออกจากหนังสือไปมองที่ผู้

หญิงที่อยู่ข้างๆเด็กหนุ่มที่เคาน์เตอร์ และถามเธอคนนั้นอย่างอ่อนโยน

"มีอะไรเหรอ"


"อ่า ไม่มีอะไร..."


เด็กสาวหน้าแดงอย่างอายๆและก้มหน้าลงไป


"ฉันแค่คิดว่า...คุณดูเท่มากเลย"


"ขอบคุณมากครับ"


เซบาสยิ้มและใบหน้าของเด็กสาวก็แดงขึ้นไปอีก


เซบาส สุภาพบุรุษผมขาว เขาเป็นคนที่สามารถดึงดูดสายตาคนรอบๆได้ เขาเป็นคนที่ดูดีแต่เวลาเขาทำ

อะไรมันก็ยิ่งน่าประทับใจเข้าไปอีก เมื้อเขาเดินตามถนนเก้าในสิบของผู้หญิงไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ต้องหัน
ไปมองเขาชั่วขณะ  ไม่แปลกใจเลยที่เด็กสาวคนนี้พบว่าตัวเองหลงเซบาสขึ้นมา

เซบาสเข้าใจเรื่องนั้นดีแล้วหันกลับไปมองที่หนังสือต่อ จากนั้นเขาก็หยุดที่หน้านึงและถามเด็กหนุ่ม


"คุณช่วยบอกฉันเกี่ยวกับเวทย์นี้ได้ไหม ... [Floating Board] ผมเชื่อว่ามันถูกเรียกอย่างงั้น?"


"ได้ครับผม"


 "[Floating Board] เป็นเวทมนตร์ระดับ1 มันสามารถสร้างแท่นโปร่งแสงกลางอากาศได้ ส่วนขนาดและ

ความสามารถในการบรรทุกจะขึ้นอยู่กับผู้ใช้เวทมนตร์ อย่างไรก็ตามม้วนเวทมนตร์นี้ขีดจำกัดของมันจะ
อยู่ที่หนึ่งตารางเมตรและสามารถบรรได้ไม่เกิน50กิโลกรัม กระดานเวทมนตร์จะคอยเคลื่อนที่อยู่ด้าน
หลังผู้ร่ายและสามารถเคลื่อนออกห่างจากผู้ร่ายได้สูงสุด5เมตร อย่างไรก็ตามมันจะเคลื่อนที่อยู่ด้านหลัง
ตามผู้ร่ายเท่านั้นไม่สามารถควบคุมมาไว้ด้านหน้าได้ หากผู้ร่ายหมุนตัวมันก็จะเคลื่อนที่ไปอยู่ข้างหลัง
อย่างช้าๆมันเป็นเวทตร์สำหรับขนส่งเหมาะแก่งานก่อสร้างและขุดดิน"

"อืม,"เซบาสพยักหน้า "ฉันเอาอันนี้ละกัน"


"รับทราบครับ"


เด็กหนุ่มดูไม่ค่อยประหลาดใจกับเรื่องที่ว่าเซบาสได้เลือกซื้อเวทมนตร์ระดับต่ำอันนี้ เพราะส่วนใหญ่ที่เซ

บาสเคยซื้อมันเป็นเวทมนตร์ที่ไม่ค่อยนิยมใช้กันเท่าไร นอกจากนี้การที่ได้เพิ่มช่องว่างให้แก่สต็อก
สินค้า มันถือเป็นประโยชน์มากต่อสมาคมนักเวทมนตร์

"อันเดียวหรอครับ"


"ครับ ฝากด้วยนะครับ"


เด็กหนุ่มคนนั้นแสดงท่าทางบอกผู้ชายคนนึงที่นั้งอยู่ใกล้ๆ


ชายคนที่นั้งฟังบทสนทนาอยู่ตลอดลุกขึ้นยืนและเปิดประตูเข้าไปในห้องด้านหลังเคาน์เตอร์

หลังจากนั้นประมาณห้านาทีชายคนนั้นกลับออกมา และถือม้วนกระดาษไว้ในมือ

"นี้ม้วนคำภีร์เวทย์ของคุณครับ"


เซบาสมองไปที่ม้วนคำภีร์มันถูกทำอย่างหรูหราแตกต่างจากกระดาษทั่วไปที่หาซื้อได้ภายนอก ชื่อของ

มันถูกเขียนไว้ด้านนอกม้วนคำภีร์หลังจากเซบาสยืนยันได้แล้วว่ามันเป็นอันเดียวกับที่เขาต้องการ เขาจึง
ถอดแว่นออก

"อืม ขอซื้อละกันครับ"


 "ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนครับ"ชายหนุ่มโค้งคำนับอย่างสุภาพ "เวทย์ระดับ 1 ดังนั้น ทั้งหมดหนึ่ง

เหรียญทองสิบเหรียญเงินครับ"

สำหรับขวดยาเวทมนตร์ระดับเดียวกันจะมีมูลค่าสองเหรียญทอง เปรียบเทียบกับม้วนเวทย์นี้ที่มีมูลค่าที่

ถูกกว่ามากเพราะว่ามันสามารถใช้ได้กับผู้ใช้เวทมนตร์เฉพาะทางเท่านั้น ต่างจากยาเวทมนตร์ที่ทุกคน
จำเป็นต้องใช้มัน

ทีกล่าวว่า'เปรียบเทียบ'มันเป็นจุดสำคัญ ตามปกติแล้วหนึ่งเหรียญทองกับสิบเหรียญเงินมันแพงเท่ากับ

เงินเดือนครึ่งนึงของคนทั่วไป อย่างไรก็ตามเงินที่เซบาสได้รับมาจากนายเหนือหัวของเขา ทำให้มันเป็น
เพียงค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย

จากนั้นเซบาสจึงหยิบกระเป๋าเงินและส่งเหรียญ 11 เหรียญให้แก่ชายหนุ่ม


"จำนวนเงินถูกต้องครับ"


ชายหนุ่มไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้องของเงินแม้แต่น้อย แต่จากการทำธุรกรรมทั้งหมด ทำให้เขาไว้

วางใจเซบาสมาก

                                                                           ♦ ♦ ♦

"ลุงคนนั้นหล่อชะมัด"


"อืม!"


หลังจากที่เซบาสเดินออกจากสมาคมเวทมนตร์เกิดการสนทนาขึ้นทันทีระหว่างพนักงานเคาน์เตอร์โดย

เฉพาะกลุ่มผู้หญิง

พวกเขาไม่ใช่เหล่าผู้หญิงที่ดูฉลาดอีกต่อไปแต่เป็นเหล่าหญิงสาวที่มีความรักต่อผู้ชายที่ชอบ  ผู้ชายอีก

คนที่นั้งอยู่ที่เคาน์เตอร์ขมวดคิ้วและทำหน้าไม่พอใจ แต่พอนึกถึงความเป็นสุภาพบุรุษของเซบาสทำให้
เขาต้องเงียบไป

"เขาต้องมีประสบการณ์รับใช้ขุนนางมาก่อนแน่เลย ไม่สิมันจะไม่แปลกเลยถ้าเขาเป็นขุนนางเองหรือไม่ก็

อาจจะเป็นลูกชายคนสุดท้องของเหล่าราชวงศ์ก็ได้"

มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับลูกคนสุดท้องของเหล่าขุนนางที่ไม่สามารถสืบทอดมรดกได้พวกเขาก็จะ

กลายมาเป็นพ่อบ้านหรือแม่บ้านผู้ทรงเกียติ โดยครอบครัวที่มีชนชั้นสูงกว่าก็จะจ้างคนที่มีภูมิหลังดัง
กล่าว  หลังจากที่ได้เห็นมารยาทอันสูงสุดของเซบาสพวกเขาก็ต้องยอมรับว่าเซบาสต้องเป็นทายาท
ของเหล่าขุนนางแน่นอน

"ทุกสิ่งที่เขาทำมันดูสง่างามไปหมด หรือแม้แต่ตอนที่เขาเดินด้วย"


ทุกนั้นที่นั้งอยู่บริเวณเคาน์เตอร์เห็นด้วยและพยักหน้า


"ถ้าเขาขอฉันให้ไปดื่มชาด้วยอะไรแบบนี้ ฉันคงตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดเลยหละ"


"ฉันด้วยๆ ฉันต้องตอบตกลงแน่นอน"


สุภาพสตรีคนนั้นพูดเสียงแหลมออกมาและคุยอย่างสนุกสนานกับอีกคนนึง พวกเขาคุยถึงร้านคาเฟ่ดีๆ

สักแห่งแล้วก็จิตนาการถึงท่าทีที่เซบาสจะคอยดูแลพวกนาง ผู้ชายที่อยู่ใกล้ๆเริ่มเข้ามาคุยด้วย

"ต้องยอมรับว่าเขาดูดีจริงๆ คุณคิดว่าเขาจะเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ด้วยรึเปล่า?"


"ฉันไมรู้เหมือนกัน แต่เขาน่าจะเป็นนะ"


คาถาที่เซบาสเพิ่งซื้อเป็นเวทย์ที่เพิ่งพัฒนาเมื้อไม่นานมานี้ นั้นแสดงให้เห็นถึงความคุ้นเคยกับเวทมนตร์

มาก เขาสามารถรู้ได้ผ่านแคตตาล็อกโดยไม่ต้องสอบถามเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์โดยตรง

นี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้ หรือก็คือต้องเป็นคนที่ศีกษาด้านเวทมนตร์แล้วเชี่ยวชาญในด้านคาถา

ต่างๆ ทำให้พวกเขาเดาได้ว่า เซบาสต้องเป็นผู้ใช้เวทมนตร์แน่ๆ

"แล้วก็แว่นตาเขา...ดูแพงมากๆ"


"มันเป็นไอเท็มเวทมนตร์หรอ"


"ฉันคิดว่ามันเป็นเป็นแว่นตาระดับสูงที่สร้างโดยเหล่าคนแคระแน่ๆ.ฉันคิดว่านะ"


"หืมม นั้นเจ่งชะมัด การได้เป็นเจ้าของแว่นแบบนั้น"


"อืม..ฉันอยากเห็นผู้หญิงที่มากับเซบาสด้วยจัง"ชายคนหนึ่งพึมพำ การตอบสนองจากรอบข้างคือคลื่น

แห่งความไม่พอใจ

"แหยะ ผู้หญิงคนนั้นน่าจะไม่มีอะไรดีเลย นอกจากดูสวยอะนะ"


"อืม ฉันรู้สึกเสียใจแทนคุณเซบาสจริงๆ เธอคนนั้นสั้งให้เขาทำนู้นทำนี้ตลอดเวลาเลย"


"เธอดูสวย แต่มีบุคลิกที่ร้ายแรง เธอจำตอนที่ยัยนั้นมองมาที่เราอย่างน่าขยะแขยงได้ไหม?ฉันรู้สึก

เสียใจกับคุณเซบาสจริงๆที่ต้องไปรับใช้คนแบบนั้น"

ผู้ชายคนนั้นไม่กล้าพูดอะไรหลังจากที่ฟังผู้หญิงวิพากษ์วิจารณ์ผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ผู้หญิงที่เป็นนายของ

เซบาสมีความงามอันน่าหลงใหลเธอคนนั้นได้ขโมยหัวใจของเขาไปในทันที ผู้หญิงที่อยู่แผนกต้อนรับ
รอบๆเขาถูกคัดเลือกจากสมาคมเวทมนตร์มาแล้ว แต่กระนั้นถ้าให้เขาเปรียบเทียบมันก็เหมือนเอาเต่าที่
คลานไปมาอยู่กับโคลนไปเทียบกับดวงจันทร์ ผู้ชายคนนั้นอยากจะบอกให้ดังๆว่าอย่าอิจฉากันให้มาก

แต่ก็ไม่มีชายใดที่โง่พอจะทำแบบนั้น


"เอาละ เลิกคุยเล่นกันได้แล้ว"


คำพูดของเด็กหนุ่มตัดบทสนาคุยเล่น ทันทีที่เขาเห็นนักผจญภัยเดินมาที่เคาน์เตอร์ ใบหน้าของทุกคน

กลับมาเป็นแบบปกติ และเริ่มทำงานอย่างจริงจัง

                                                                           ♦ ♦ ♦


เดือน 8 วันที่ 26 เวลา 16.06


หลังจากออกจากสมาคมเวทมนตร์แล้ว เซบาสมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

การไปส่งหญิงชราที่บ้านทำให้ไม่ตรงตามเวลากับที่เซบาสวางแผนไว้และตอนนี้ท้องฟ้าก็เริ่มที่จะเป็นสี

แดง หลังจากมองนาฬิกาที่เขาหยิบออกจากกระเป๋าเสื้อ ทำให้เซบาสรู้ว่ามันถึงเวลาที่ต้องกลับแล้ว
อย่างไรก็ตามภารกิจในวันนี้ยังไม่เสร็จดี เขาจะกลับตอนนี้แล้วค่อยทำพรุ้งนี้หรือทำงานล่วงเวลาในวันนี้
ดีัเซบาสลังเลเพียงชั่วครู่

การไปส่งหญิงชราเป็นการตัดสินใจของเขาเอง ดั้งนั้นเขาควรทำภารกิจของเขาต่อ

"-ปีศาจเงา"

มันปรากฎตัวออกจากเงาของเซบาส

"แจ้งโซลูชั่น ว่าฉันจะสายนิดหน่อย เท่านี้แหละ"

ไม่มีการตอบกลับ มันเริ่มขยับตัวและหลุดออกจากเงาของเซบาสไป

"เอาละ" เซบาสพึมพำและเริ่มเดินทางต่อ

เขาไม่มีเส้นทางอยู่ในใจ เพราะเซบาสพยายามที่จะทำความคุ้นเคยกับเส้นทางต่างๆในเมืองหลวง นาย

เหนือหัวของเขาไม่ได้สั่งให้ทำเช่นนั้น แต่การรวบรวมข่าวกรองก็เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจ

"ฉันจะไปที่นั้นภายในวันนี้ละกัน"


หลังจากพึมพำกับตัวเองเซบาสจับเคราของตัวเองและถือม้วนคำภีร์ด้วยมือข้างนึง 


เขามุ่งหน้าต่อ โดยออกห่างจากเมืองหลวงไปเรื่อยๆ


หลังจากเลี้ยวเข้าบริเวณซอกซอยตึกที่สกปรกมันมีกลื่นเหม็นๆลอยอยู่บนอากาศกลิ่นของขยะสดและ

ของเสียอื่นๆ จนเพียงพอให้ชุดของเซบาสเริ่มเปื้อน เซบาสยังคงเดินต่อไปในความเงียบ

ทันใดนั้นเขาก็หยุดลงและสำรวจรอบๆ ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาเข้ามาสู่ซอยที่เปล่าเปลี่ยวและแคบมากๆจน

เพียงพอให้ถ้ามีคนเดินผ่านมาต้องเบียดเสียดกันเลย 

มันเป็นเรื่องยากที่จะเดินผ่านซอกซอยเหล่านี้ ที่นี้แสงอาทิตย์ถูกบดบังโดยสิ่งก่อสร้างรอบๆ อย่างไรก็

ตามมันไม่เป็นอุปสรรคต่อเซบาส เขาเดินเข้ามาในความมืดราวกับละลายไปกับเงา

เซบาสคอยหันหน้าซ้ายขวาตลอดทันทีที่เจอซอกซอยเพิ่มเติมระหว่างอาคาร เขาก้าวกระโดดด้วยความ

มั่นใจโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดชะงัก

การเดินทางอันไร้จุดหมายของเขาได้พาเขามาที่นี่ เขาได้ตระหนักว่าเขามาไกลจากที่มั่นมากแล้ว แต่

สัญชาตญาณของเซบาสก็เข้าใจเส้นทางจากบ้านมาถึงที่นี้ได้เป็นอย่างดี

เมื่อพิจารณาถึงความสามารถของเซบาสแล้ว เขาสามารถเดินฝ่าเส้นทางทั้งหมดเป็นเส้นตรงได้มันจะใช้

เวลาเพียงแค่ครู่เดียวถ้าจะทำแบบนั้น ตอนนี้ความมืดเริ่มปกคลุมแล้ว มันอาจจะถึงเวลาที่เซบาสต้อง
กลับ

เขาไม่ได้กังวลถึงความปลอดภัยของโซลูชั่นผู้ที่เขาอาศัยอยู่ด้วย


แม้จะศัตรูที่ทรงพลังปรากฎ โซลูชั่นก็สามารถสร้างปีศาจเงาแบบเซบาสได้  เธอสามารถหนีและใช้มัน

เป็นโล่ได้ แต่นั้นก็-

"...ฉันควรกลับก่อนสินะ"


ตามจริงแล้วเซบาสอยากที่จะเดินต่อไป แต่การเสียเวลาโดยใช่เหตุคงไม่สมควรได้รับการอนุญาติกระนั้น

ถ้าเขากลับไปตอนนี้เขาก็จะไม่ได้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านหน้า เขาจึงตัดสินใจที่จะเดินผ่านช่องแคบพวกนี้ต่อ

ระหว่างที่เซบาสเดินไปในความมืด เขาเห็นประตูเหล็กหนาๆมันดังเอี๊ยดขึ้นมาอย่างฉับพลัน มันอยู่ด้าน

หน้าเซบาสราวๆ15เมตร เซบาสจึงหยุดและเฝ้าดูอย่างเงียบๆ

เมื้อประตูเปิดกว้างมีคนเดินออกมา ถึงแม้จะอยู่ในความมืดเซบาสก็เห็นผ่านเงาว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ชาย  

ชายคนนั้นมองไปรอบๆแต่เขาไม่สังเกตเห็นเซบาสจึงเดินกลับเข้าไป

มีกระสอบขนาดใหญ่ถูกโยนออกมากระแทกกับกำแพงด้านนอก แสงสว่างภายในห้องนั้นทำให้เซบาสรู้

ว่ามันเป็นของนุ่มตอนที่มันตกลงบนพื้น

ประตูยังคงเปิดอยู่คนที่โยนกระสอบออกมาเหมือนกำลังแค่โยนขยะทิ้ง ชายคนนั้นเดินกลับเข้าไปและ

ไม่มีอะไรเกิดขึนเพิ่มเติมไปสักพัก

เซบาสขมวดคิ้วตัดสินใจว่าจะเดินไปในทางอื่น เพราะถ้าเดินไปในทางนี้อาจเกิดปัญหา

หลังจากลังเลช่วงสั้นๆเซบาสตัดสินใจไปต่อในทิศทางเดิม

"-ไปต่อละกัน"

ปากถุงกระสอบตกลงมา


รองเท้าของเซบาสลากไปตามพื้นจนมาใกล้กับกระสอบ

ในขณะที่เขากำลังจะเดินผ่านไป เขาก็ต้องหยุดลง


เซบาสรูู้สึกว่ามีอะไรติดอยู่ที่ส่วนขาของกางเกง เซบาสจึงมองลงมาและเห็นสิ่งที่เขาเคยคาดคิดไว้

แขนอันผอมบางราวกับกิ่งไม้ยื่นออกมาจากกระสอบมันกำลังขวางขาของเซบาสอยู่ เปิดเผยให้เห็นถึง

ครึ่งนึงของร่างเปลือยกายของผู้หญิงภายในกระสอบ

มันเป็นตอนที่กระสอบเปิดกว้างทำให้เห็นถึงร่างกายของผู้หญิงส่วนบน

ดวงตาสีฟ้าของเธอมืดมิดดูไม่มีชีวิตชีวา ผมยาวไปถึงไหล่ของเธอยุ่งเหยิงกับการขาดสารอาหาร ใบหน้า

ของเธอบวมเหมือนถูกตีและมีจุดสีแดงซีดจำนวนมากทั่วผิวแห้งของเธอ

 เธอเป็นเหมือนถุงที่ถูกผึ่งให้แห้งและแทบไม่เกิดความมีชีวิตใดๆในตัวเธอ


แน่นอนมันต้องเป็นศพ แต่กระนั้นเธอกำลังหายใจ มือที่ตอนที่จับขากางเกงเซบาสอยู่เป็นสัญญาณว่า

เธอมีชีวิต อย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอทำได้คือหายใจเท่านั้น จนแทบเรียกไม่ได้เลยว่า เธอยังมีชีวิต

"...คุณช่วยปล่อยมือได้ไหม"

หญิงสาวไม่ตอบสนองต่อคำพูดของเซบาส อย่างไรก็ตามเปลือกตาของเธอบวมอย่างมาก มันเหลือแค่

เพียงลอยแตกเละๆเท่านั้น ลูม่านตาที่มืดมัวแหงนมองขึ้นฟ้า ซึ่งมันไม่สามารถเห็นอะไรได้เลย

ทั้งหมดที่เซบาสต้องทำก็แค่ขยับขาออกเขาก็จะหลุดออกจากนิ้วพวกนี้แล้ว ยังไงก็ตามเขาก็ไม่ทำแบบ

นั้นและยังคงถามต่อ

"...คุณกำลังมีึปัญหาใช่ไหม? ถ้ายังงั้น-"

"-เห้ย ไอ้แก่ แกโผล่หัวมาจากไหนเนี่ย"

เซบาสถูกขัดจังหวะ ด้วยเสียงที่ต่ำและดูดุร้าย

ชายคนนั้นมาจากด้านหลังประตู แขนและหน้าอกของเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผล

แสดงให้เห็นถึงความเป็นปรปักษ์ต่อเซบาสอย่างชัดเจน โคมไฟที่เขาถืออยู่ฉายแสงสีแดง

"โอย โอย โอย มองหาหอกอะไรอยู่ไอ้แก่?"


ชายคนนั้นเดาะลิ้นของเขาขณะมองอย่างพินิจพิเคราะห์ไปทีเซบาส


"ไปไกลๆไอ้แก่ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ"


เมื้อเห็นว่าเซบาสยังคงนิ่ง ชายคนนี้ก้าวเท้าออกมาข้างหน้าพร้อมกระแทกประตูเสียงดังลั่น ชายคนนั้น

วางโคมไฟไว้ที่เท้าแล้วค่อยๆกรีดกรายเข้ามาเพื่อขู่ขวัญ

"หูหนวกหรอไอ้แก่"

เขาขยับไหล่และยกมือขึ้นมาอย่างช้าๆจากนั้นก็กำมือแน่น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่กลัวที่จะใช้ความ

รุนแรงเลย

เซบาสยิ้ม รอยยิ้มจากสุภาพบุรุษอย่างเซบาสแสดงให้เห็นถึงความสงบและความเมตตา แต่ด้วยเหตุผล

บางอย่างชายก้าวถอยหลังไปราวกับมีสัตว์ป่าดุร้ายปรากฎตัวต่อหน้าเขา

"ห...เห้ย แกมันตัวอะไรเนี่ย-"


ด้วยรอยยิ้มของเซบาส ทำให้ชายคนนี้ไม่สามารถพูดต่อได้  เขากำลังสั่นกลัวและโงนเงนไปด้านหลัง 

โดยไม่ได้ตระหนักถึงน้ำหนักของตัวเองเลย 

เซบาสเก็บม้วนเวทมนตร์ที่ได้มากจากสมาคมเวทมนตร์เข้าไปในกระเป๋า และก้าวไปข้างหน้าเพียงพอที่

จะจับผู้ชายคนนั้นได้ ชายคนนั้นไม่สามารถมองตามการเคลื่อนไหวของเซบาสได้เลยและล้มลงไปอยู่กับ
พื้น

นั้นดูเหมือนเป็นสัญญาณให้เซบาสจับคอของผู้ชายคนนั้น-และยกขึ้นออกจากพื้นโดยง่าย


ใครก็ตามที่เห็นเหตุการณ์นี้คงคิดว่ามันเป็นทริคบางอย่าง


ถ้าเป็นไปตามรูปลักษณ์ภายนอกเซบาสไม่สามารถชนะผู้ชายคนนี้ได้เลย ทั้งในแง่ของอายุและกล้าม

เนื้อชายหนุ่มย่อมได้เปรียบกว่าเสมอ

แต่สุภาพบุรุษอาวุโสคนนี้กำลังยกด้วยมือข้างเดีียว


หรือบางทีหากมีใครเห็นก็ต้องมีสักคนที่มีสัญชาตญาณพอที่จะรู้ความแตกต่างอย่างมากของทั้งสองฝ่าย


ความแตกต่างระหว่างเซบาสกับชายคนนี้คือ

ผู้ยิ่งใหญ่กับคนต่ำต้อย

ชายคนนั้นถูกยกออกจากพื้นโดยสมบูรณ์ เขาพยายามบิดขาและลำตัว ขณะที่เขาพยายามหลุดจากมือ

เซบาสทำให้เขาตระหนักได้ว่าการขัดขืนช่วยอะไรไม่ได้เลย มีเพียงแต่จะทำให้มอนเตอร์ที่อยู่ตรงหน้า
เขาโกรธเท่านั้น

"เธอคนนี้เป็นอะไร?"


เมื่อเสียงอันเยือกเย็นไหลเข้าผ่านหู ชายคนนี้สั่นด้วยความกลัว


"เธอ' เธอเป็นคนงานที่นี้" ผู้ชายคนนั้นตอบ ออกมาด้วยความหวาดกลัว


"ฉันถามว่าเธอเป็นอะไร และแกตอบว่าเธอทำงานที่นี้หรอ?"


ชายคนนั้นตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปเสียแล้ว อย่างไรก็ตามมันเป็นคำตอบที่ดีที่สุดของเขาภายใต้

สถานการณ์นี้ ตาของเขาเปิดกว้างด้วยความกลัวและสั่นเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ

"ใจเย็นๆ พวกพ้องบางคนของฉันก็มองว่ามนุษย์เป็นสิ่งของเหมือนกัน ดังนั้นฉันเชื่อว่าแกก็มองมนุษย์

เป็นสิ่งของเช่นกัน แบบนั้นมันก็คงไม่มีอะไรผิด อย่างไรก็ตามแกบอกว่าเธอเป็นคนงานที่นี้ใช่ไหม?
นั้นก็หมายถึงแกเห็นเธอเป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน งั้นขอฉันถามอีกคำถาม แกกำลังจะทำอะไรกับผู้หญิง
คนนี้?"

ผู้ชายคนนั้นพยายามคิดหาคำตอบอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม-


มีเสียงบีบที่ดังออกมา


การจับของเซบาสรุนแรงยิ่งขึ้น จนผู้ชายคนนั้นได้แต่ส่งเสียงลมหายใจเล็กๆออกมา


"--อั๊กกกก!"


เซบาสตั้งใจบีบให้ผู้ชายคนนั้นหายใจยากขึ้น จนผู้ชายคนนั้นต้องร้องโอดครวญออกมา เซบาสพูดกับ

ชายคนนี้อีกครั้ง "อย่าคิดอะไรให้มาก ตอบออกมา!"

"เธอ,เธอป่วย ฉันเลยกำลังพาเธอไปที่โบสถ์"


"-ฉันไม่ชอบการโกหก"


"อั๊กกก!"


เซบาสบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ ชายคนนั้นหน้าแดงขึ้นจนมีเสียงทรมานออกมาจากลำคอ มันเป็นความจริงที่ว่า

ชายคนนั้นเอาคนใส่กระสอบเพื่อการข่นส่ง การโยนคนลงบนพื้นไม่มีทางใช่การพาคนไปรักษา
แน่นอนมันเป็นเหมือนกับแค่การเอาขยะไปทิ้ง

"ขอร้อง...หยุด..."


ผู้ชายคนนั้นกำลังมีปัญหาในการหายใจ เขาเริ่มแสดงความเดือดออกมาเพราตระหนักได้ว่าเขากำลังจะ

ตาย

เซบาสจับหมัดที่พุ่งเข้ามาด้วยมืออีกข้างอย่างง่ายดาย ขาของผู้ชายคนนั้นพยายามเตะเข้าใส่เซบาส

แต่เซบาสก็นิ่งเฉย

-แต่แน่นอน


มันเป็นเรื่องปกติที่ขาของมนุษย์ไม่สามารถทำอะไรกับแท่นเหล็กได้เลย เซบาสแค่ปัดฝุ่นที่เปื้อนตัวเขา

และพูดกับชายคนนั้นอีกครั้ง

"ฉันขอแนะนำให้พูดความจริง"


"อึ๊ก-"


ชายคนนั้นไม่สามารถหายใจได้ เซบาสมองไปที่หน้าที่แดงของชายคนนั้นและปล่อยมือของเขาก่อนที่

จะเดินออกห่าง

ชายคนนั้นล้มลงไปกองอยู่กับพื้น


"อ่อค อุ๊ก "


ผู้ชายคนนั้นไออย่างรุนแรงและสูดอากาศเฮือกใหญ่เข้าไปในปอด เซบาสมองดูเงียบๆจากนั้นก็เอื้อมมือ

เข้าไปคว้าคอผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง

"เดียวว ขอร้องหล่ะ รอก่อน"


ประสบการณ์ความน่ากลัวของการขาดออกซิเจน ชายคนนั้นพยายามตะเกียดตะกายออกจากมือเซบาส


"โบสถ์-ใช่! ฉันกำลังพาเธอไปที่โบสถ์ "


ผู้ชายคนนี้ยังพยายามโกหกอีกหรอ  จิตใจช่างแข็งแกร่ง


เซบาสคิดว่าชายคนนี้จะไม่กล้าขัดขืนต่อความกลัวความตาย อย่างไรก็ตาม เขาอาจจะกลัวแต่ก็ยังไม่

บอกความจริงหรือก็คือการยอมบอกความจริงมันอันตรายพอๆกับการกระทำของเซบาส

เซบาสกำลังคิดว่าควรเปลี่ยนแผนดีไหม นี้เป็นเขตแดนของศัตรู ถึงแม้ชายคนนี้ไม่ได้ร้องขอความช่วย

เหลือจากใครก็ตามที่อยู่หลังประตู นั้นเป็นเพราะว่าจะไม่มีใครมาช่วยเขาได้ทันการ แต่อย่างไรก็ตามอยู่
ที่นี้นานเกินไปก็จะนำไปสู่ปัญหามากขึ้น

นายเหนือหัวของเขาห้ามไม่ให้ก่อปัญหาใดๆ คำสั่งของเขาคือพยายามแทรกตัวเข้าไปในสังคมและ

รวบรวมข่าวต่างๆอย่างลับๆ

"ถ้าแกจะพาเธอไปที่โบสถ์ งั้นให้ฉันทำเอง ฉันขอรับประกันความปลอดภัยของเธอ"


ชายคนนั้นกลืนน้ำลายตาของเขาสั่นอย่างชัดเจน จากนั้นเขาก็พยาหาข้ออ้างอย่างสุดความสามารถ


"...มันไม่มีหลักประกัน ว่าคุณจะพาเธอไปที่นั้นจริงๆ"


"งั้นมาด้วยกัน"


"ตอนนี้ฉันไม่สะดวก แต่เดียวฉันจะพาเธอไปทีหลัง"


ชายคนนี้รู้สึกถึงการแสดงออกบางอย่างของเซบาส เขาจึงรีบพูดต่อ


"เธอเป็นของเราตามกฎหมาย! ถ้าคุณเข้ามายุ่งมันจะเป็นการฝาฝืนกฎหมายของประเทศ! หรือถ้ายังกล้า

ที่จะเอาตัวเธอไป นั้นคือการ ลักพาตัว!"

เซบาสหยุดนิ่งและขมวดคิ้วเป็นครั้งแรก


ชายคนนี้เล่นกับจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเซบาส


นายเหนือหัวของเขาสั่งให้ดำเนินการต่างๆในฐานะ พ่อบ้านที่คอยดูแลนายหญิง


การฝ่าฝืนกฎหมายอาจจะนำไปสู่การตรวจสอบและนั้นจะทำให้ตัวปลอมของเขาถูกเปิดโปง กล่าวอีกนัย

นึงคือการทำเช่นนั้นจะนำไปสู่ผลกระทบสำคัญที่ทำให้นายเหนือหัวของเขาไม่พอใจแน่

เนื่องจากตอนนี้ยังไม่มีผู้เห็นเหตุการณ์ เซบาสสามารถกำจัดชายคนนี้ได้โดนง่าย


อย่างไรก็ตามนั้นเป็นวิธีสุดท้าย เซบาสไม่สามารถดูแลผู้หญิงที่เขาพบโดยบังเอิญได้ นั้นเป็นการผิดต่อ

คำสั่งของนายเหนือหัวของเขา

หรือก็คือ วิธีที่ดีที่สุดคือการทิ้งผู้หญิงคนนี้สะ


ขณะที่เซบาสกำลังลังเล ชายคนนั้นก็หัวเราะเสียงดังออกมา


"โอ้คุณพ่อบ้านผู้ซื่อสัตย์  ถ้าทำแบบนั้น จะทำให้เจ้านายเกิดปัญหาเอานะ"


เป็นครั้งแรกที่หน้าผากของเซบาสขมวดด้วยความโมโหขึ้นมา ผู้ชายคนนั้นรู้ถึงจุดอ่อนของเซบาสจาก

การแสดงออกของเขา

"ฉันไม่รู้ว่าลุงรับใช้ขุนนางคนไหนเหมือนกัน แต่การทำแบบนี้จะนำปัญหาไปสู่เจ้านายเอานะ ใครจะรู้

บางทีเจ้านายลุงอาจมีความสัมพันธ์กับธุรกิจของเราก็ได้นะ ไม่กลัวถูกดุเอาหรอ?"

"แกคิดจริงๆหรอว่า เจ้านายฉันจะแก้ปัญหากับเรื่องแค่นี้ไม่ได้ เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้เราเกิดปัญหาใดๆแน่"


ความกลัวทะลุผ่านผู้ชายคนนั้นชั่วขณะนึง อย่างไรก็ตามเขาฟื้นความเชื่อมั่นของตัวเองอย่างรวดเร็ว


"...ก็ลองดูสิ"


"...ฮึ้ม"


คำโกหกของเซบาสไม่ได้ผลกับชายคนนั้น เขาต้องมีการสนับสนุนที่เพียงพอให้ชายคนนั้นเชื่อได้

เซบาสจึงตัดสินใจเปลี่ยนแผนอีกครั้ง

"...อืม มันคงเป็นปัญหาในด้านของกฎหมาย อย่างไรก็ตามมีกฎหมายระบุไว้ว่าหากมีคนขอความช่วย

เหลือก็จะไม่เป็นการลักพาตัว ฉันก็จะสามารถพาตัวเธอไปโดยไม่ต้องห่วงเรื่องกฎหมายใดๆ ฉันพูดผิดรึ
เปล่า?"

"เอะ...อ่า...ก็ไม่"


ชายคนนั้นพึมพำกับตัวเองขณะพยายามคิดหาวิิธี


ความมั่นใจของชายคนนี้ได้สูญหายไปหมดแล้ว


ท่าทางที่ชายคนนี้แสดงออกมาทำให้เซบาสโล่งใจเป็นอย่างมาก เพราะเซบาสเพิ่งบอกเรื่องที่เขาเพิ่ง

คิดขึ้นเอาเองออกไป เนื่องจากชายคนนี้ใช้กฎหมายเล่นงานเซบาส เซบาสก็เลยใช้กฎหมายสวนกลับ
ชายคนนี้ไปอีกที

ถึงแม้ว่าเซบาสไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับกฎหมายของราชอาณาจักร แต่ท่าทีของชายคนนี้ทำให้เซบาสรู้ว่า

ชายคนนี้ก็ไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับกฎหมายเช่นเดียวกัน ถ้าชายคนนี้จะใช้กฎหมายสู้กับเซบาสต่อไป เซบาสก็
สามารถจัดการเขาโดยง่าย

เซบาสหันหน้าหนีจากผู้ชายคนนั้นและเข้าไปประคองศรีษะของผู้หญิง


"คุณต้องการให้ฉันช่วยไหม" เซบาสถามก่อนที่จะเอาหูเข้าไปใกล้ปากของผู้หญิงคนนั้น


ทั้งหมดที่เขาได้ยินคือลมหายใจจางๆ มันเหมือนกับเสียงของบอลลูนที่กำลังแฟบ จนไม่เรียกไม่ได้ว่า

เสียงหายใจด้วยซ้ำ

ไม่มีการตอบสนอง  เซบาสจึงพยายามถามอีกครั้ง


"ต้องการให้ฉันช่วยไหม"


การช่วยผู้หญิงคนนี้เป็นเรื่องใหญ่หลวงแตกต่างจากการช่วยหญิงชราโดยสิ้นเชิง แต่เซบาสก็ยังต้องการ

ช่วยเหลือผู้อื่นให้ได้มากที่สุด ถึงแม้เขาจะคิดว่าบางทีนายเหนือหัวของเขาอาจจะไม่พอใจที่เขาทำแบบ
นี้ก็ตาม เรื่องนี้เข้ามาสู่สมองของเซบาสโดยบังเอิญ

ยังคงไม่มีการตอบสนองใดๆ


ชายคนนั้นยิ้ม


เนื่องจากเขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง ทำให้เขายิ้มเยาะขึ้นมา นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าเขาถึงกล้า

โยนผู้หญิงคนนี้ออกมา

เขาอาจจะโชคร้ายที่ต้องมาเจอกับเซบาส แต่ตอนนี้มันเป็นโชคดีของเขาแล้ว


โชคดีของผู้หญิงคนนี้คือเธอบังเอิญจับโดนกางเกงของเซบาสได้ แต่ว่ามันจบแล้ว


มันไม่ควรเรียกว่าโชคดีด้วยซ้ำ



-จนมีการตอบสนองเล็กน้อยออกมา


นั้นคือ ริมฝีปากของผู้หญิงคนนั้นขยับเล็กน้อย มันไม่ใช่การเคลื่อนไหวตามธรรมชาติของการหายใจ

มันเป็นการความตั้งใจของเธอเอง

"___"


การตอบสนองของเซบาสคือการพยักหน้าอย่างพอใจ


"ฉันไม่เชื่อในการช่วยเหลือ ผู้ที่เอาแต่ขอให้คนอื่นมาช่วย แต่อย่างไรก็ตาม คุณต่อสู้และมุ่งมั่นที่จะมีชีวิต"


นิ้วของเซบาสขยับอย่างช้าๆและนุ่มนวลเพื่อปิดตาผู้หญิงคนนี้


"ไม่ต้องกลัว พักผ่อนเถอะ ตอนนี้คุณอยู่ภายใต้การคุ้มครองของฉันแล้ว"


ผู้ชายคนนั้นแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเห็น และพูดคำที่เพิ่งเข้ามาในสมองเขาออกมา


"เป็นไปไม่ได้-"


เซบาสไม่รู้ชายคนนั้นต้องการพูดอะไร  ชายคนนั้นยืนนิ่งไม่ขยับ


"จะบอกว่าฉันโกหกหรอ?"


เขาไม่รู้ว่าเซบาสลุกขึ้นยืนขึ้นมาตอนไหน แต่ตอนนี้เขาถูกดวงตาอันแหลมคมจ้องมองมา


เป็นเป็นดวงตาที่น่าสยดสยองสำหรับเขา


สายตานี้หยุดการหายใจของเขา ราวกับมันมีความสามารถส่งผลต่อหัวใจภายในหน้าอกของเขาเลย


"คุณจะบอกว่า ฉันโกหกกับคนอย่างแกหรอ?"


"อ่า..ไม่..อ่าา"


ชายคนนั้นกลืนน้ำลาย และมองไปที่แขนของเซบาสด้วยความกังวล เขาจำตอนที่เซบาสบีบคอเขา

ได้เป็นอย่างดี

"ถ้าอย่างงั้น ฉันขอพาผู้หญิงคนนี้ไปกับฉันก่อน"


"อ่าาเดียว ได้โปรดหยุดก่อน!" ชายคนนั้นตะโกนออกมาจนเซบาสต้องหันไปมองเขา


"มีอะไรอีก? ยังพยายามที่จะถ่วงเวลาอีกหรอ?"


"ไม่ ไม่ใช่อย่างงั้น ถ้าคุณพาเธอไปมันจะเกิดเรื่องแย่แน่ คุณจะต้องประสบกับเรื่องเลวร้ายรวมทั้งเจ้านาย

ของคุณด้วย! คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับแปดนิ้วรึเปล่า"

เซบาสเคยได้ยินเกี่ยวกับชื่อดังกล่าวตอนที่เขากำลังรวบรวมข่าวต่างๆ มันเป็นองค์กรผิดกฎหมายที่

พยายามครอบครองอาณาจักรภายใต้เงามืด

"ดังนั้นคุณแค่ช่วยฉันแทนดีกว่า แค่ทำเป็นไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ถ้าคุณพาเธอไปมันพวกเขาจะถือว่าเป็น

ความล้มเหลวในส่วนของฉันและลงโทษฉันแน่"

เมื้อเห็นว่าชายคนนี้พยายามโน้มน้าวด้วยความเห็นแก่ตัวเอง เซบาสจ้องมองเขาและตอบด้วยน้ำเสียงที่

เยือกเย็น

"ฉันจะพาเธอไปกับฉัน"


"เดียวข้อร้องหละ พวกเขาจะฆ่าฉัน!"


มันอาจจะดีกว่าถ้าฆ่าผู้ชายคนนี้ทิ้งเซบาสคิด ชายคนนี้ยังคงร้องไห้อยู่ ขณะที่เซบาสกำลังคิดถึงข้อดี

และข้อเสียในการกำจัดผู้ชายคนนี้ทิ้งสะ

เดิมทีเซบาสคิดว่าผู้ชายคนนี้พยายามถ่วงเวลาเพื่อรอการช่วยเหลือ แต่ด้วยท่าทางของชายคนนี้ทำให้

เซบาสรู้ว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น อย่างไรตามเขาก็นึกถึงเหตุผลอื่นไม่ออก

"ทำไมไม่ตะโกนขอความช่วยเหลือหล่ะ"


ชายตาของผู้ชายคนนั้นดูตกใจและรีบตอบกลับ


โดยรวมคำตอบที่ผู้ชายคนนี้บอกคือ หากผู้หญิงคนนี้ถูกเอาตัวไปขณะเขาตะโกนขอความช่วยเหลือโดย

พื้นฐานแล้วนั้นจะนำสู่การที่เขาต้องถูกลงโทษ นอกจากนี้เขาไม่คิดว่าจะเอาชนะเซบาสได้ถึงแม้จะเรียก
คนอื่นมาช่วยก็ตาม นี้เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้แต่พยายามโน้มน้าวเซบาส

เซบาสไม่สามารถรวบรวมแรงจูงใจในการฆ่าของเขา ต่อหน้าชายที่มีทัศนคติที่น่าสงสารขนาดนี้ทำให้

ความตั้งใจที่จะฆ่าชายคนนี้ของเซบาสหายไป แต่อย่างไรก็ตามเซบาสไม่คิดจะยอมให้ผู้หญิงคนนี้คืน
อยู่ดี

"...แล้วทำไมคุณไม่หนีไปหล่ะ"

"นึกถึงความเป็นจริงสิ ฉันจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ในการหนี"

 "ฉันไม่คิดว่าเงินมีความสำคัญมากกว่าชีวิต อย่างไรก็ตาม ... ฉันให้ความเคารพในเรื่องนี้ "


หน้าตาของผู้ชายคนนั้นดูสว่างขึ้นเมื้อได้ยินคำของเซบาส


การฆ่าผู้ชายคนนี้อาจจะเป็นการทำลายหลักฐานต่อการถูกตามตัวมาก แต่การปล่อยให้เขาหนีด้วยกำลัง

ทั้งหมดอาจจะช่วยซื้อเวลาให้เซบาสที่จะรักษาผู้หญิงคนนี้และพาเธอไปที่ปลอดภัยได้

ยิ่งไปกว่านั้นการฆ่าผู้ชายคนนี้จะทำให้พวกเขาออกตามหาคนผู้หญิงทันที


เมื้อมาถึงจุดนี้ เซบาสเริ่มสงสัยว่าทำไมเขาต้องเสี่ยงทำเรื่องอันตรายแบบนี้ตั้งแต่แรก


ความจริงคือเซบาสไม่เข้าใจถึงจิตใจของตัวเองที่นำไปสู่การช่วยเหลือผู้หญิงคนนี้ ถ้าเป็นสมาชิกคน

อื่นๆในนาซาริคคงจะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องที่ต้องทำให้ตัวเองลำบาก และปล่อยเธอทิ้งไว้ที่นี้แน่

-การช่วยเหลือคนที่กำลังลำบากเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว.


เซบาสตัดสินใจที่จะไม่ใส่ใจกับคำพูดลึกลึบที่โผล่เข้ามาในหัวของเขาและพูดว่า


"รับนี้ไว้  จ้างนักผจญภัยและหนีสะ"


เซบาสหยิบถุงผ้าใบนึงออกมา ผู้ชายคนนั้นมองด้วยความไม่มั่นใจ เพราะมันเป็นเพียงถุงผ้าเล็กๆเท่านั้น


ในเวลาต่อมาสายตาผู้ชายคนนั้น ก็มองตามเหรียญนึงที่ตกลงพื้นมันเหรียญสีเงินที่ดูสว่างมาก มันเป็น

เหรียญแพลทินัมแค่หนึ่งเหรียญก็มีค่าเท่ากับเหรียญทองสิบเหรียญแล้ว

"หนีด้วยกำลังทั้งหมดที่มีเข้าใจไหม? นอกจากนี้ฉันมีคำถามบางอย่าง พอมีเวลาที่จะตอบรึเปล่า"


"อ่าได้ ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันได้บอกกับคนอื่นไปแล้วว่ากำลังจะพาเธอไปทิ้-  ไปที่โบสถ์ใช่ไปที่โบสถ์ ดัง

นั้นฉันยังพอมีเวลาอยู่"

"เข้าใจแล้ว งั้นเดินมากับฉันละกัน"


เซบาสยกคางขึ้นเพื่อบอกให้ผู้ชายคนนั้นยอมทำตาม จากนั้นเขาก็อุ้มผู้หญิงคนนั้นขึ้นและเดินออกมา


Part 2

เดือน 8 วันที่ 26 เวลา 18.58

ปัจจุบันเซบาสพักอยู่ที่เขตที่อยู่อาศัยของคนชั้นสูงในเมืองหลวงที่มีความปลอดภัยมาก


บ้านหลังนี้มีขนาดเล็กกว่าคฤหาสน์รอบๆ มันถูกสร้างไว้สำหรับคนรับใช้และครอบครัวอย่างไรก็ตามมันก็

ยังดูใหญ่เกินไปสำหรับคนสองคน

เซบาสได้รับการต้อนรับอย่างรวดเร็วในตอนที่เขามาถึงบ้านและเดินเข้าไปที่ประตูหน้า เธอเป็นผู้หญิง

สวมชุดสีขาว เธอเป็นหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาของเซบาส. โซลูชั่น เอปซิลอน จากกลุ่มเมดนักรบ บ้าน
ยังมีผู้อยู่อาศัยคนอื่นอีกนั้นคือปีศาจเงาและการ์กอยล์แต่พวกนี้ถูกให้ไปทำหน้าที่ยามอยู่จึงไม่ได้ออกมา
ต้อนรับด้วย

"ยินดีต้อนรับ กลั-"


โซลูชั่นตัดคำพูดของเธอกลางคันรวมถึงหยุดแสดงความเคารพ เธอจ้องมองไปที่วัตถุที่เซบาสกำลังถือ

อยู่ด้วสายตาที่เย็นชากว่าปกติ

"...ท่านเซบาส นั้นมันอะไร"


"ฉันเจอเธอหน่ะ"


โซลูชั่นไม่ได้ตอบกลับ อย่างไรก็ตามเกิดบรรยากาศดุดันรอบตัวพวกเขา


"...คะ นี้่คงไม่ใช่ของขวัญสำหรับฉันสินะ ท่านเซบาสจะเอามาทำอะไรหรอคะ"


"อืม ก่อนอื่นช่วยรักษาบาดแผลผู้หญิงคนนี้ได้ไหม"


"รักษา..."


โซลูชั่นมองไปที่ผู้หญิงที่เซบาสกำลังถืออยู่ เธอพยายามทำความเข้าใจว่าเซบาสต้องการอะไร


"ถ้าเป็นยังงั้น ทำไมท่านเซบาสไม่พาเธอไปที่วิหารละคะ?"


"...นั้นก็ถูก ฉันผิดเอง ฉันลืมเรื่องนั้นไปเลย"


หลังจากที่เซบาสไม่พูดอะไรเพิ่มเติม โซลูชั่นจ้องมองอย่างเย็นชาไปที่เซบาส จนทั้งสองมองหน้ากัน

แต่ท้ายที่สุดโซลูชั่นก็เป็นฝ่ายหลบหน้าก่อน

"งั้นให้ฉันโยนมันทิ้งไหมคะ?"


"ไม่ ฉันเป็นคนพาเธอมา พวกเราต้องคิดถึงการดูแลเธออย่างดีที่สุด"


"...ฉันเข้าใจแล้วคะ."


โซลูชั่นตอบอย่างนิ่งเฉยออกมา ราวกับมันเป็นหน้ากาก แม้แต่เซบาสก็ไม่สามารถอ่านอารมณ์ที่อยู่ใน

สายตาของเธอได้ สิ่งที่เซบาสบอกได้คือโซลูชั่นกำลังไม่พอใจแน่นอน

"ช่วยตรวจสอบร่างกายผู้หญิงคนนี้ได้ไหม"

"เข้าใจแล้วคะ ฉันจะจัดการให้ทันที"

"ไม่ใช่แบบนั้น"


เด็กสาวคนนี้ไม่มีความหมายใดๆกับโซลูชั่น เธอรับคำสั่งอย่างไม่ใส่ใจอะไร


"ในห้องนั้นน่าจะมีพื้นที่ว่างอยู่ พาเธอไปตรวจที่นั้นได้ไหม"


ทั้งสองคนไม่พูดอะไรระหว่างพาเด็กสาวคนนี้ไปที่ห้องรับแขก การสนทนาของเซบาสกับโซลูชั่นไม่เคย

เป็นแบบนี้มาก่อน มันแตกต่างจากสถานการน่าอึดอัดใจในปัจจุบันมาก

โซลูชั่นเปิดประตูให้เซบาสที่กำลังอุ้มเด็กสาวอยู่ ม่านบริเวณหน้าต่างถูกปิดอยู่ทำให้ภายในห้องดูมืด

มาก แต่บรรยากาศภายในดูบริสุทธิ์และในห้องก็สะอาดสะอ้าน

ภายในห้องสว่างด้วยแสงจันทร์ที่กระจายออกมาระหว่างม่าน หลังจากเข้ามาในห้องเซบาสวางผู้หญิงคน

นั้นลงบนเตียงที่อยู่ภายใน

เซบาสได้ใช้เวทย์รักษาขั้นพื้นฐานไปบ้างแล้วแต่เด็กสาวก็ยังคงนิ่งเหมือนศพ


"งั้น..."


โซลูชั่นเปิดผ้าที่พันรอบตัวเด็กสาวออกเผยให้เห็นถึงร่างที่มีแต่รอยฝกช้ำจากถูกทุบตีอย่างทารุณ มัน

เป็นภาพน่ากลัวที่หาดูได้ยาก แต่โซลูชั่นก็ไม่แสดงอาการใดๆออกมา สายตาของเธอมีแต่เบื่อหน่าย

"...โซลูชั่น ส่วนที่เหลือฝากจัดการให้ทีนะ"


ด้วยเหตุนี้เซบาสจึงเดินออกจากห้องไป โซลูชั่นไม่ใส่ใจอะไร และเริ่มทำการตรวจสอบเด็กผู้หญิง


ตอนนี้เซบาสอยู่ที่ทางเดินที่ที่เขาไม่สามารถได้ยินเสียงของโซลูชั่นได้ โซลูชั่นพูดเบาๆออกมา


"ไร้สาระนัก"


เสียงพึมพำของเธอหายไปในอากาศโดยไม่มีการตอบกลับออกมา


เซบาสลูบเคราของเขาโดยไม่รู้ตัวระหว่างคิดถึงเรื่องที่ทำไมเขาถึงต้องช่วยผู้หญิงคนนี้ ถึงแม้เขาเองก็

ไม่ทราบสาเหตุเช่นกัน

ความสงสารหรอ?


ไม่,นั้นก็ไม่ใช่. ทำไมเขาถึงช่วยเธอกัน?


เซบาสเป็นถึงพ่อบ้านผู้รับใช้นาซาลิค ความภักดีของเขาถวายให้แก่เหล่า41สิ่งมีชีวิตผู้ยิงใหญ่ อีกทั้งเขา

ยังเป็นหนี้การรับใช้ต่อหัวหน้ากิลด์ผู้ได้ใช้นามว่า ไอซ์ อูว โกว์

ความภักดีของเขาเป็นของแท้ เซบาสมั่นใจว่าเขายินดีที่จะสละชีวิตเพื่อผู้ปกครองสูงสุดแน่นอน


อย่างไรก็ตาม...หากต้องเลือกที่จะเชื่อฟังหนึ่งใน41สิ่งมีชิวิตผู้ยิ่งใหญ่ เซบาสก็จะเลือกชายที่ชื่อทัชมี

โดยไม่ลังเลเลย

                                                                         ♦ ♦ ♦


ทัชมีเป็นคนที่เก่งที่สุดใน ไอซ์ อูว โกว์ และยังเป็นผู้ที่สร้างเซบาสขึ้นมา อีกทั้งเขายังเคยได้รับตำแหน่ง

แชมป์โลกผู้มีชื่อเสียงที่มากมาย

กิลด์นี้รุ่งโรญจ์ด้วยชื่อเสียงทางการ PK ใครจะรู้ว่าทัชมีเป็นผู้ก่อตั้งกิลด์แค่เพื่อต้องการปกป้องคน

อ่อนแอ?  แต่นั้นก็เป็นความจริง

ตอนที่โมมอนกะถูกโดนลุม PK ซ้ำๆจนเขาโกรธจนเกือบจะเลิกเล่นเกมนี้ ทัชมีก็เป็นคนยื่นมามาช่วยเขา

ตอนที่บูคูบูคูชากามะ ไม่สามารถหาคนมาผจญภัยด้วยกันได้เนื่องจากรูปลักษณ์ของเธอ ทัชมีก็เป็นคน
ยื่นมือเข้ามาช่วยเช่นกัน

                                                                         ♦ ♦ ♦


ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะช่วยเหลือผู้อื่นมันเหมือนโซ่ที่มองไม่เห็นซึ่งผูกรั้งเซบาสไว้


"หรือว่านี้ เป็นคำสาปกัน..."


คำพูดนี้หยาบคายมาก หากเหล่าคนในนาซาลิคผู้ถูกสร้างโดย41สิ่งมีชีวิตที่ยิงใหญ่ มาเห็นเข้าพวกเขา

อาจจะโจมตีเซบาสทันทีเหตุเพราะไม่มีความเคารพ

"การแสดงความสงสารและช่วยเหลือผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนาซาลิค นี้มันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง" เซบาส

พูดอย่างโกรธเคืองออกมา

นั้นเป็นสิ่งที่เขาได้แค่คิด


สมาชิกทุกคนในนาซาลิค ถูกสร้างและใส่นิสัยกับความนึกคิดโดยเหล่า41สิ่งมีชีวิตที่ยิงใหญ่ ยกตัวอย่าง

เช่นหัวหน้าแม่บ้าน Pestonya S. Wanko - ผู้ที่เชื่อว่าการละทิ้งคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนาซาลิคเป็นเรื่องที่
ควรทำ

ยกตัวอย่างเขาเคยได้ยินมาจาก โซลูชั่น เกี่ยวกับเหล่าเมดนักรบ (Pleiades) ชื่อลูปซิเลกิน่า- เธอเข้ากัน

ได้ดีกับเด็กผู้หญิงจากหมู่บ้านคาร์เน่ แต่เซบาสรู้ดีหากมีอะไรเกิดขึ้นลูปก็สามารถจะกำจัดผู้หญิงคนนั้น
ได้โดยไม่ต้องลังเลเลย

นั้นไม่ใช่เพราะเธอโหดร้าย


หากนายเหนือหัวของพวกเขาสั่งให้ไปตาย พวกเขาก็จะฆ่าตัวตายทันที หากนายเหนือหัวสั่งให้ฆ่าใคร

คนนึง พวกเขาจะฆ่าโดยไม่ลังเลเช่นกันถึงแม้เป้าหมายจะเป็นเพื่อนของพวกเขาเอง ในทางกลับกัน
ทุกคนเข้าใจและยอมรับในเรื่องนี้ดี

สำหรับเรื่องของมนุษย์กล่าวได้อย่างเดียวคือ -มันไร้ค่า- เซบาสก็รู้สึกผิดต่อการกระทำนี้


ขณะที่เซบาสกัดริมฝีปากของตัวเองโซลูชั่นก็เดินออกมาจากห้อง เธอยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยราวกับสวม

หน้ากาก

"เป็นไงบ้าง"


"... เธอเป็นโรคซิฟิลิสและอีกสองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซี่โครงและนิ้วหลายซี่หัก เส้นเอ็นที่แขน

ขวาและขาซ้ายของเธอถูกตัดขาด ฟันกรามบนและล่างของเธอถูกดึงออกมา การทำงานของอวัยวะ
อ่อนแอและที่ทวารหนักมีรอยแยก มีอาการติดยาเสพติด นอกจากนี้ยังมีร่องรอยของรอยฟกช้ำและ
บาดแผลนับไม่ถ้วน นี้คือข้อสรุปโดยรวมเกี่ยวกับสภาพของเธอ คุณต้องการคำอธิบายเพิ่มเติมไหม? "

"ไม่ ฉันคิดว่าไม่ ที่สำคัญคือ เธอสามารถหายได้ไหม"


"เป็นเรื่องง่ายค่ะ"


เซบาสคาดหวังถึงคำตอบนั้นเช่นเดียวกัน


สกิลฮีลลิ่งอาจจะรักษาได้แม้กระทั้งแขนขาที่ถูกตัดขาด เซบาสเองก็สามารถใช้สกิลฮีลลิ่งรักษา

บาดแผลต่างๆได้ หากเขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับสาเหตุอื่นๆเซบาสก็จะรักษาบาดแผลของผู้หญิงคนนี้ไป
แล้ว

นั้นก็คือเวทย์รักษาสามารถรักษาบาดแผลทางกายภาพได้ แต่มันไม่สามารถรักษาพิษหรือโรคได้เช่นกัน

เซบาสมีแค่เวทย์รักษาทั่วไป ดังนั้นเขาจึงต้องขอให้โซลูชั่นช่วยในเรื่องนี้

"งั้นขอฝากด้วยละกัน"


"ถ้าจำเป็นต้องใช้เวทย์รักษาบางทีอาจจะดีกว่าถ้าเราขอให้ท่านPestonyaช่วย"


"ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนั้นหรอก โซลูชั่นเธอมีม้วนเวทย์รักษาใช่ไหม"


หลังจากเห็นโซลูชั่นพยักหน้า เซบาสพูดต่อ


"งั้นใช้มัน"


"...ท่านเซบาส นี้เป็นม้วนเวทมนตร์ที่รับได้มาจากนายเหนือหัวของเรา การที่นำมาใช้กับมนุษย์มันเป็น

เรื่องที่..."

นั้นเป็นเรื่องจริง เซบาสควรคิดถึงการใช้วิธีอื่นแทน อย่างไรก็ตามเขาไม่ทราบว่ามันจะมีเวลาเพียงพอรึ

เปล่า เธออาจจะตายด้วยโรคของเธอก่อน มีเพียงต้องรักษาเธอในทันทีเท่านั้น

หลังจากที่เซบาสคิดถึงเรื่องนี้เขาก็ออกคำสั่งโซลูชั่นด้วยเสียงที่หนักแน่น


"ทำมันสะ"


โซลูชั่นหรี่ตาลงและราวกับมีเปลวไฟลุกขึ้นมาในตาของเธอ อย่างไรก็ตามโซลูชั่นโค้งคำนับศรีษะของ

เธอเพื่อพยายามซ่อนความรู้สึกนี้

"...เข้าใจแล้วคะ ฉันต้องคืนสภาพผู้หญิงคนนี้-หรือก็คือต้องทำให้ร่างของเธอกลับไปสู่สถานะก่อนที่จะ

เข้าร่วมกิจกรรมเหล่านั้น ใช่ไหมค่ะ?"

หลังจากได้เห็นว่าเซบาสให้ทำตามนั้น โซลูชั่นโค้งคำนับอีกครั้ง


"จะจัดการให้ทันทีค่ะ"


"แล้วก็รบกวนอีกเรื่องที ฉันอยากให้เธอเตรียมน้ำอุ่นสำหรับเช็ดตัวเธอ หลักจากทำการรักษาได้ไหม?

ฉันจะออกไปซื้ออาหารเตรียมไว้"

ที่นี้ไม่มีใครต้องกินและไม่มีใครทำอาหารได้ อีกทั้งไม่มีอุปกรณ์เวทมนตร์ใดๆที่ต้องใช้อาหาร ดังนั้นเซ

บาสจึงต้องออกไปซื้ออาหารเตรียมไว้

"...ท่านเซบาสการรักษาเป็นงานที่เรียบง่าย แต่ฉันไม่มีความสามารถรักษาบาดแผลทางจิตใจ"


โซลูชั่นมองไปที่เซบาส


"ถ้าจำเป็นต้องรักษาบาดแผลแบบนั้น ฉันคิดว่ามันคงดีกว่าถ้าเราจะขอให้ท่านไอซ์ช่วย เห็นด้วยไหมค่ะ"


"...ไม่จำเป็นต้องรบกวนท่านไอซ์หรอก เรื่องอาการทางจิตใจเราจะจัดการกันในภายหลัง


โซลูชั่นโค้งคำนับอีกครั้ง จากนั้นเธอก็เดินกลับเข้าไปในห้อง เซบาสเฝ้ามองเธอจนเธอจากไปจากนั้น

เขาก็เอนตัวลงกับกำแพงใกล้ๆ

ฉันควรจัดการยังไงดี-


ทางที่ดีที่สุดคือรอจนกว่าเธอจะได้รับการรักษา ในขณะที่ผู้ชายคนนั้นหนีไปแล้ว ก็พาเธอไปปล่อยในที่ที่

เธออยากไป อีกทั้งเขาต้องเลือกสถานที่ที่อยู่ไกลจากเมืองหลวง แต่การบอกให้เธอเดินออกจากที่นี้ไป
สะมันก็ดูอันตรายและโหดร้ายเกินไป จนเรียกว่าไม่ต่างกับการไม่ได้ช่วยเธอเลย

อีกทั้งมันยังคงเป็นเรื่องที่ถูกต้องรึเปล่าที่เขาเซบาสเตี้ยนพ่อบ้านแห่งนาซาลิค จะทำเช่นนี้


เซบาสถอนหายใจอย่างหนักออกมา


"ฉันมันบ้าขนาดไหนที่คิดทำทุกอย่างเพื่อมนุษย์"


แต่ไม่ว่าเขาจะคิดหนักแค่ไหนเขาก็ยังไม่สามารถสรุปได้ ดังนั้นเซบาสจึงตัดสินใจที่จะหยุดแสวงหาคำ

ตอบ ตอนนี้เขาควรจะเริ่มต้นด้วยการแก้ปัญหาง่ายๆ มันอาจจะเป็นความล่าช้าที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่นี่เป็น
สิ่งที่ดีที่สุดที่เซบาสทำได้ตอนนี้

                                                                          ♦ ♦ ♦


โซลูชั่นเปลี่ยนรูปทรงนิ้วของเธอ มันกลายเป็นสิ่งที่คล้ายเข็มฉีดยาที่มีความหนาเพียงแค่มิลลิเมตร ใน

ฐานะที่เธอเป็นShoggoth(ปีศาจคล้ายสไลม์) เธอสามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างของเธอได้อย่างง่ายดาย

เธอหันไปมองที่ประตูเมื้อรู้ว่าเซบาสออกไปแล้ว จากนั้นเธอเดินเข้ามาใกล้ผู้หญิงที่อยู่บนเตียง


โซลูชั่นเอามือเข้ามาหยิบม้วนเวทมนตร์ที่อยู่ภายในตัวเอง


ม้วนเวทมนตร์ไม่ใช่ไอเท็มเพียงอย่างเดียวที่โซลูชั่นเก็บไว้ในตัวได้ นอกจากม้วนเวทมนตร์เธอยังมีอาวุธ

และอุปกรณ์สำหรับการต่อสู้อีกเป็นจำนวนมาก ไม่แปลกเลยถ้าเธอจะสามารถเก็บมนุษย์เข้ามาหลายคน
ได้เช่นเดียวกัน

โซลูชั่นมองไปที่ผู้หญิงที่ไม่ได้สติคนนี้


เธอไม่ได้สนใจรูปโฉมของเธอมากนัก สิ่งเดียวที่เข้ามาในจิตใจ


คือ-มนุษย์คนนี้ดูไม่น่าอร่อย


มันเป็นร่างที่เหมือนกับศพเดินได้ หากโซลูชั่นกลืนเธอลงไปเธอก็คงไม่มีแรงพอที่จะร้องหรือ

ตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอด แม้ว่าโซลูชั่นจะปล่อยสารกัดกร่อนก็ตาม

"บางทีฉันอาจจะเข้าใจท่านเซบาส ถ้าเขาตั้งใจที่จะรักษาจนเธอฟื้นตัวและนำมันมาเป็นของเล่น แต่นี้..."


โซลูชั่นรู้นิสัยเซบาสดีเพราะเขาก็เป็นผู้นำของกลุ่มเมดนักรบ เซบาสไม่อนุญาติให้จับมนุษย์กินระหว่าง

การเดินทาง อีกทั้งยังช่วยเหลือมนุษย์ที่เข้ามาลอบโจมตีอีกด้วย

"ถ้าท่านเซบาสช่วยเธอเพราะคำสั่งของนายเหนือหัวของพวกเราฉันก็จะปฎิบัติตาม แต่การใช้สมบัติที่มี

ค่าพวกนี้ให้แก่มนุษย์เพียงคนเดียว มันคุ้มค่าแล้วหรอ?"

โซลูชั่นส่ายหัวและพยายามลืมเรื่องพวกนั้นสะ


"...หรือฉันควรกินเธอก่อนที่ท่านเซบาสจะกลับมา ดี?"


โซลูชั่นแกะตัวผนึกออกและคลี่ม้วนคำภีร์ออกมา ม้วนเวทมนตร์ได้เก็บเวทย์ที่เรียกว่า[ฮีล] มันเป็นเวทย์

รักษาระดับ 6 เวทย์ขั้นสูงที่สามารถรักษาทางกายภาพและโรคหรือสภาวะผิดปกติอื่นๆได้อีกด้วย

ตามปกติม้วนเวทมนตร์จะสามารถใช้ได้กับผู้ใช้เฉพาะทางเท่านั้น หรือก็คือผู้ใช้ต้องเป็นคลาสนักบวช

ระดับสูงจึงจะสามารถใช้ม้วนเวทย์นี้ได้ อย่างไรก็ตามคลาสขโมยสามารถใช้อุปกรณ์เวทมนตร์หรือม้วน
เวทมนตร์ของคลาสอื่นๆได้  ด้วยการใช้สกิล"ลวง"

 ในฐานะนักฆ่าโซลูชั่นเธอมีสกิลคลาสโจรอยู่มาก เธอจึงสามารถใช้ฮีลระดับสูงที่เซบาสไม่สามารถ

ใช้ได้

"ต่อจากนี้ ฉันควรให้เธอหลับไปสะก่อน"

โซลูชั่นใช้ทักษะในร่างกายสังเคราะห์ยานอนหลับและยาแก้ปวดออกมาจากนั้นเธอก็ฉีดเข้าไปในตัวเด็ก
สาวคนนั้น

                                                                       ♦ ♦ ♦


เดือน 8 วันที่ 26 เวลา 19.37


เซบาสกลับมาจากการซื้ออาหารเช่นเดียวกับโซลูชั่นที่เดินออกมาจากห้องพอดี เธอถือถังสองถังออกมา

ในนั้นมีผ้าที่ดูสกปรกอยู่ข้างใน

ผ้าที่สกปรกอยู่ในน้ำที่แทบจะเป็นสีดำไปแล้ว แสดงให้เห็นถึงความสกปรกของเด็กสาวที่เอาเข้ามา


"ขอโทษที่ทำให้เหนื่อยโซลูชั่น ไม่มีปัญหาด้านการรักษาใช่ไหม"


"ค่ะ ทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่น เนื่องจากไม่มีเสื้อผ้าให้เธอใส่ ฉันก็เลยเอาเสื้อผ้าที่เรามีใส่ให้แบบมั่วๆ

ไปก่อน ได้ใช่ไหมค่ะ?"

"แน่นอน มันเป็นเรื่องถูกต้องที่ควรทำ"


"ค่ะ...ตอนนี้เธอคนนั้นน่าจะตื่นจากการนอนหลับแล้ว...ถ้าไม่มีคำสั่งเพิ่มเติม ฉันขอตัวก่อนนะค่ะ"


"ขอบใจมาก โซลูชั่น"


โซลูชั่นพยักหน้าตอบและเดินผ่านเซบาสไป


หลังจากเห็นว่าเธอไปแล้ว เซบาสเคาะประตู. ไม่มีการตอบกลับใดๆ แต่เขาก็รู้สึกว่ามีคนอยู่ด้านในเขาจึง

ค่อยๆผลักประตูอย่างเงียบๆ

เด็กสาวที่หลับอยู่บนเตียงเพิ่งที่จะฟื้นสติขึ้นมา เธออยู่ในท่านั้ง ดูราวกับยังงัวเงียอยู่


เธอแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง 


ผมบลอนด์ที่มีแต่ความสกปรก ตอนนี้สว่างไสวดูสวยงาม แม้แต่ความผอมที่ราวกับกิ่งไม้ก็กลับคืนสู่ความ

สมบูรณ์ ริิมฝีปากที่แตก ตอนนี้ก็มีชมพูแลดูสุขภาพดีแล้ว

โดยรวมแล้วเธอดูสวยมาก รูปลักษณ์ของเธอกล่าวได้ว่าดูมีความน่ารักมากกว่าเซ็กซี่


อายุของเธอดูออกได้ง่าย เธอดูอยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย อายุของเธอก็จะราวๆ15-19 แม้ว่าสีหน้าของ

เธอแสดงถึงเรื่องที่เธอต้องเผชิญมาทำให้เธอดูโตกว่าอายุที่เธอเป็น

โซลูชั่นมอบชุดคลุมสีขาวให้เธอใส่มันดูเรียบๆไม่มีเครื่องตกแต่งหรือลูกไม้อะไรเป็นพิเศษ


"ฉันเชื่อว่าคุณได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง"


ไม่มีคำตอบ ดวงตาของเธอไม่กล้าพอที่จะมองเซบาส อย่างไรตามเซบาสไม่ได้ว่าอะไรและพูดต่อ


ที่จริงเซบาสไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะตอบเขา นั้นเป็นเพราะเซบาสรู้ว่าการแสดงออกของเธอตอนนี้ เต็ม

ไปด้วยความวอกแวกใจลอยอยู่

"คุณหิวรึเปล่า? ฉันซื้ออะไรมาให้กินด้วย"


เขาได้ซื้อมันมาจากร้านอาหารแห่งหนึ่ง รวมทั้งชามช้อนด้วย


โจ๊กในชามไม้ทำมาจากซุปและวัตถุดิบต่างๆในร้าน มันมีส่วนผสมของน้ำมันงาเพื่อความอร่อยโดย

ทั้งหมดแผ่กลิ่นหอมชวนน่ารับประทาน

ใบหน้าของเด็กสาวกระตุกตอบสนองต่อกลิ่นหอมนั้น


"มาสิ, ลองดูด้วยตัวเอง"


เมื้อเห็นว่าเด็กสาวยังไม่ถอนตัวออกจากโลกส่วนตัว เซบาสจึงวางชามไว้ด้านหน้าของเธอ


เธอไม่ได้ขยับใดๆ เซบาสก็ไม่พยายามบังคับไปบังคับเธอ


หากมีบุคคลที่สามอยู่ในห้องนี้ก็คงหงุดหงิด หลังจากเวลาผ่านไปนานมือของเธอก็ขยับช้าๆ  

การเคลื่อนไหวของเธอดูราวกับกลัวที่จะถูกทำร้าย

แม้บาดแผลภายนอกได้รับการเยียวยาอย่างสมบูรณ์ แต่ความเจ็บปวดที่ถูกตราตรึงไว้ในจิตใจของเธอยัง

คงอยู่

เธอหยิบช้อนไม้ตักลงไปในโจ๊ก จากนั้นก็นำมันมาไว้ที่ปากของเธอและงับมันลงไป


โจ๊กปกติอาจจะอัดแน่นและหนาไปด้วยข้าว แต่เซบาสได้ขอให้เจ้าของร้านที่จะหั่นอย่างละเอียด14ส่วน

ผสมที่แตกต่างกัน ทำให้มันสามารถกลืนได้โดยไม่ต้องเคี้ยว

ลำคอของเธอทำงานโจ๊กได้ไหลเข้าไปลงในท้องเรียบร้อย


ดวงตาของเด็กสาวสั่นเล็กน้อย มันเป็นการเคลื่อนไหวที่เล็กน้อยมากๆแต่ก็เพียงพอที่จะเปลีั่ยนเธอที่ดู

เป็นตุ๊กตากลับมาเป็นมนุษย์ มืออีกข้างของเธอสั่นขณะที่จะเอาชามเข้ามาใกล้ตัว

เซบาสช่วยเหลือด้วยการขยับชามเข้าไป ให้ง่ายที่เธอจะหยิบ


เด็กสาวคว้าชามเข้ามา จากนั้นก็ตักโจ๊กอย่างมีพลังขณะที่เธอกินมัน


หากโจ๊กไม่ได้ถูกทำให้เย็น ความตื่นเต้นขณะกินของเธอก็คงทำให้เธอแสบลิ้นแน่ น้ำซุปหกออกมาจาก

ปากของเธอ จนเลอะชุดแต่เธอก็ไม่ใส่ใจ เธอดูเหมือนดื่มมากกว่ากิน

หลังจากเธอกินจนหมดทำให้เธอดูแตกต่างจากก่อนหน้านี้ขึ้นมาบ้าง เธอถือชามไว้และหายใจออกอย่าง

ผ่อนคลาย

เมื่อความเป็นมนุษย์เริ่มกลับมาแล้ว เปลือกตาของเธอก็ค่อยๆขยับลง


ท้องที่เต็มอิ่มเสื้อผ้าใหม่และร่างกายที่สะอาดสะอ้านช่วยบรรเทาจิตใจของเธอ จนตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกที่จะ

เหนื่อยล้าขึ้นมา

ขณะที่ตาของเธอกำลังหลับลงจู่ๆมันก็เปิดกว้างขึ้นมา มันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวจนเธอต้องขดตัว


เธอกลัวที่จะหลับตาลงหรือกลัวว่าเรื่องที่เป็นอยู่จะหายไปราวกับความฝัน?หรือเป็นอย่างอื่น? เซบาสที่

เฝ้ามองเธออยู่ใกล้ๆก็ไม่สามารถรู้ได้

เพื่อที่จะปลอบโยนเธอ เซบาสกล่าวอย่างอ่อนโยนออกมา


"ร่างกายของคุณจำเป็นต้องพักผ่อน ไม่ต้องฝืนหรอกทำใจให้สบาย จะไม่มีอันตรายใดๆเกิดขึ้นกับคุณ

ตราบเท่าที่คุณอยู่ที่นี้แน่นอน ฉันรับประกันเมื้อคุณตื่นขึ้นมาก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง"

สายตาของเด็กสาวเริ่มขยับเป็นครั้งแรก เธอมองไปที่เซบาส


ตาสีฟ้าของเธอดูหมองคล้ำและไร้พลัง อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่สายตาของซากศพอีกต่อไป แต่เป็นความ

มีชีวิต

ปากเล็กๆของเธอเปิดขึ้นมา-และปิดลง จากนั้นก็เปิดขึ้นมาอีกครั้งและปิดอีกครั้ง มันเกิดขึ้นซ้ำๆหลาย

ครั้ง แต่เซบาสก็ไม่ได้พยายามบังคับให้เธอพูดอะไร เขาเฝ้าดูเธออย่างนุ่มนวญเงียบๆ

"อ่า..."


ในที่สุดปากของเธอก็เปิดออก มีเสียงที่เบามากจนแทบไม่ได้ยิน แต่เธอก็พยายามพูดให้ดังขึ้น


"ขอบ...ขอบคุณ"


คำพูดแรกของเธอไม่ได้ถามเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน แต่เป็นการขอบคุณ เซบาสเริ่มเข้าใจถึงนิสัย

ของเธอขึ้นมาบ้างทำให้เขายิ้มออกมา มันเป็นยิ้มที่จริงใจไม่ใช่ของปลอมที่ตามปกติเขามักทำ

"ไม่เป็นไร ตั้งแต่ฉันช่วยเธอมาฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรับประกันความปลอดภัยให้เธอเอง"


ดวงตาของเด็กสาวเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยและปากของเธอก็เริ่มสั่น


ดวงตาสีฟ้าของเธอเริ่มมีน้ำตาจนไหลล้นออกมา เธอเปิดปากและร้องไห้อย่างน่าสงสารออกมา


ในไม่ช้าเขาก็ได้ยินคำสาปแช่งผ่านการร้องไห้


เธอสาปแช่งชะตากรรมของเธอ เธอไม่พอใจความจริงของชะตากรรมที่เธอมี เธอเต็มไปด้วยความเกลียด

ชัง ไม่มีใครมาช่วยเธอเลยจนถึงปัจจุบัน ความโกรธของเธอถูกส่งไปให้เซบาสเช่นเดียวกัน

ถ้าเพียงแค่คุณช่วยฉันเร็วกว่านี้


หลังจากได้รับการดูแลของเซบาส หลังจากการถูกปฎิบัติเฉกเช่นมนุษย์ มันราวกับว่าส่วนหนึ่งของเธอได้

พังทลายลงมา ความเครียดและความทรมาณที่เธอต้องทนจนถึงบัดนี้ จะพูดได้ว่าหลังจากความเป็น
มนุษย์ของเธอได้ฟื้นขึ้นมา  เธอก็ไม่สามารถแบกรับความทรงจำอันแสนเจ็บปวดของเธอได้

เธอดึงผมของเธอเอง จนเส้นผมสีทองนับไม่ถ้วนพันรอบๆนิ้วของเธอ . ชามโจ๊กกลิ้งตกลงไปที่เตียง


เซบาสเฝ้าดูอย่างเงียบๆขณะที่เธอกำลังคลั่ง


ความเกลียดชังและคำสาปแช่งถูกนำมาลงกับคนผิดคน เธอกำลังมองหาแพะรับบาปอย่างชัดเจน

หากเป็นคนอื่นคงจะไม่พอใจหรือเริ่มโกรธขึ้นมา อย่างไรก็ตามไม่มีความโกรธบนใบหน้าของเซบาสมัน
เต็มไปด้วยความเมตตา

เซบาสเอนตัวไปข้างหน้าและกอดเธอเอาไว้


มันเหมือนกับพ่อที่กอดลูก ไม่มีความอาฆาต มีเพียงความรักที่ไม่มีที่สิ้นสุด


ร่างกายของเธอแข็งไปชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็รู้ว่าอ้อมกอมนี้แตกต่างจากผู้ชายที่เพียงแค่ต้องการเข้า

มาละเมิดเธอ  ร่างกายเธอก็ค่อยๆผ่อนคลาย

"ไม่เป็นไร"


เซบาสพูดคำนั้นซ้้ำๆ เขาตบหลังเธอเบาๆราวกับปลอบเด็กที่กำลังร้องไห้


เธอร้องคร่ำครวญ-จากนั้นเมื้อเธอค่อยๆเข้าใจคำพูดของเซบาส  เธอฝังใบหน้าไปที่อกของเซบาสและ

ร้องไห้เสียงดังออกมา น้ำตาของเธอตอนนี้แตกต่างจากก่อนหน้านี้เล็กน้อย

                                                                          ♦ ♦ ♦


จนเวลาผ่านไปในที่สุดเธอก็หยุดร้องไห้ เสื้อของเซบาสเต็มไปด้วยน้ำตา เธอค่อยๆคลายตัวเองออกจาก

แขนของเซบาสและลดศีรษะลงเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดง

"อ่า...ฉัน...ขอโทษ..."


"ไม่ต้องกังวล การได้มอบหน้าอกให้แก่สุภาพสตรีถือเป็นความภาคภูมิใจของผู้ชายคนหนึ่ง"


เซบาสดึงผ้าเช็ดหน้าที่สะอาดออกจากกระเป๋าเสื้อและมอบให้กับเธอ


"โปรดใช้นี้"


"แต่...ให้ฉัน...ยืมนี้...มันสะอาด..."เธอถามอย่างกังวล  เซบาสเอื้อมไปไปจับคางของเธอและค่อยๆยก

ขึ้น เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ขณะที่เธอกำลังนิ่งด้วยความกลัว ผ้าเช็ดหน้าก็ค่อยๆลูบไปทั่วดวงตาของ
เธอ

ทำให้เซบาสนึกถึงการสนทนาระหว่างโซลูชั่นกับแชลเทียร์ล่าสุด แชลเทียร์รู้สึกดีใจมากที่ท่านไอซ์ได้

เช็ดน้ำตาให้เธอ

สถานการณ์อะไรทำให้เจ้านายเขาต้องเช็ดน้ำตาให้แชลเทียร์? เขาจินตนาการถึงสภาพแชลเทียร์ตอน

ร้องไห้ไม่ออกเลย ขณะที่เซบาสกำลังคิด มือของเขาก็ยังกำลังทำความสะอาดใบหน้าเด็กสาวอยู่

"อ่า.."


"ใช้นี้นะ" เซบาสกล่าวขณะยัดผ้าเช็ดหน้าที่เปียกไว้ในมือของเธอ "มันค่อนข้างน่าเศร้าหากผ้าเช็ดหน้า

ไม่ได้ถูกใช้โดยเฉพาะเมื้อน้ำตาแห้งขึ้นมา"

เซบาสยิ้มและขยับออกห่างเธอ


"เอาละ ตอนนี้พักผ่อนก่อนเถอะ ส่วนเรื่องอนาคตอื่นๆเราค่อยว่ากันเมื้อเธอตื่นขึ้นมา"


เวทมนตร์ไม่สามารถทำได้ทุกอย่าง ร่างกายของเธอได้รับการฟื้นฟูจากการรักษาของโซลูชั่นรวมทั้ง

ความเหนื่อยล้าก็ถูกลบออกไปด้วย ดังนั้นร่างกายของเธอสามารถทำงานได้อย่างปกติทันที อย่างไร
ก็ตามเธออยู่ในนรกจนกระทั้งไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา บาดแผลทางจิตใจของเธออาจจะระเบิดออกอีกครั้ง
หากสนทนาเป็นเวลานาน

ความจริงแล้วความคิดของเธอยังไม่มั่นคงโดยสมบูรณ์ ดังนั้นเธออาจจะทุกข์ทรมาณอยู่ในตอนนี้ 

เวทมนตร์อาจรักษาความทุกข์ทางจิตวิญญาญได้แต่มันไม่ใช่สาเหตุนั้่นเท่านั้น บาดแผลทางจิตวิญญาญ
ที่มองไม่เห็นไม่สามารถรักษาให้หายขาดไ้ด้

เท่าที่เซบาสรู้ คนที่สามารถลบล้างความเสียใจทางจิตใจได้อย่างสมบูรณ์คือนายเหนือหัวของเขาหรือ

ไม่ก็ Pestonya S. Wanko ก็อาจะทำได้ด้วย

"อนาคต...?"


เซบาสไม่แน่ใจว่าเขาควรคุยเรื่องนี้ตอนนี้กับเธอดีไหม อย่างไรก็ตามเธอเป็นฝ่ายเริ่มสนทนาเขาจึง

ตัดสินใจที่จะตอบกลับ 

"มันไม่ปลอดภัยหากเธอจะอยู่ที่เมืองหลวงต่อไป เธอมีญาติหรือเพื่อนให้กลับไปหาบ้างไหม?"


เธอส่ายหน้า


"ยังงั้นหรอ..."

เธอไม่มีบ้างเลยหรอ? แต่แน่นอนเซบาสไม่ได้พูดออกไป 


มันคงเป็นปัญหาบ้าง เซบาสคิด อย่างไรก็ตามมันไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ชายคนนั้นอาจจะยังไม่ถูกจับได้

อีกทั้งมันยังต้องใช้เวลาที่จะสาวถึงตัวเซบาส แน่นอนเซบาสรู้ว่าตอนนี้เขากำลังมองโลกในแง่ดีแต่
กระนั้นเขาก็หวังให้มันเป็นเช่นนั้น อย่างน้อยเขาหวังจะให้เธอฟื้นคืนจิตใจให้ดีก่อน 

"งั้น ช่วยบอกชื่อของเธอได้ไหม"

"อ่า...ฉัน...:ซึอาเระ..."

"ซึอาเระงั้นหรอ? ฉันยังไม่ได้ชื่อของฉันเลย ฉัน เซบาสเตี้ยน เรียกเซบาสเฉยๆก็ได้ เป็นคนรับใช้ของ

ท่านโซลูชั่น เจ้าของบ้านหลังนี้"

แน่นอนมันเป็นเรื่องที่ต้องปิดบัง


โดยปกติโซลูชั่นสวมชุดเดรสแทนชุดแม่บ้านปกติของถืออยู่แล้วเพื่อไม่ให้แขกแปลกใจ อย่างไรก็ตาม

เซบาสต้องบอกให้เธอคอยแกล้งทำเป็นนายหญิง ตอนที่ซึอาเระอยู่บ้าน

"คุณ...โซ...ชั่น..."


"ใช่แล้ว ท่านโซลูชั่น แอปโซลอน ฉันคิดว่าคุณคงโอกาสได้พบเธอ"


"...?"


"ตอนนี้คุณหนูคง...ยังไม่สะดวกมาพบหน่ะ"


เซบาสปิดปากของเขาลงเพื่อเป็นการบอกว่าจะพูดเรื่องนี้ในภายหลัง หลังจากเงียบไปชั่วครู่เขาจึงพูดต่อ


"เอาละ วันนี้นอนได้แล้ว พรุ้งนี้เราค่อยคุยกันทีหลัง"


"ค่ะ..."


หลังจากตรวจสอบว่าซึอาเระกลับไปนอนบนเตียงแล้ว เขาจึงหยิบชามโจ๊กเดินออกจากห้องไป


เมื่อเปิดประตูออกไปก็พบโซลูชั่นยืนอยู่ตามที่เขาคาด เธออาจจะแอบฟังอยู่ตลอดแต่เซบาสก็ไม่ตำหนิ

เธอ เพราะโซลูชั่นรู้ว่าเซบาสจะไม่ว่าอะไรเธอ เธอจึงยืนฟังโดยไม่ได้ปกปิดหรือซ่อนตัวแต่อย่างใด
อีกทั้งเธอเป็นคลาสนักลอบสังหาร หากเธอต้องการจะซ่อนตัวไม่ให้เซบาสรู้ตัวเธอก็ทำได้อย่างง่ายดาย

"มีอะไรหรอ"


"ท่านเซบาสค่ะ ฉันขอถามได้รึเปล่า มีแผนจะจัดการเธอยังไงหรอคะ"?


เซบาสกังวลเรื่องประตูด้านหลังเขา มันหนาแต่ก็ไม่สามารถป้องกันเสียงได้สมบูรณ์ ถ้าพวกเขาจะพูดกัน

ตรงนี้ก็จะคุยเสียงดังไม่ได้

เซบาสจึงเดินออกไปจุดอื่นและโซลูชั่นก็ตามมาอย่างเงียบๆ


เมื่อพวกเขามาถึงจุดที่คิดว่าจะไม่ได้ยินแล้ว เขาจึงหยุดลง


"...หมายถึง ซึอาเระสินะ เรื่องนั้นฉันจัดการเอง ไว้วันพรุ้งนี้ฉันค่อยตัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อ"


"ชื่อนั้น..."


โซลูชั่นยังไม่พูดไม่จบ แต่พยายามปกปิดอารมณ์และพูดต่อ


"บางทีฉันอาจจะล้ำเส้นไปหน่อย แต่สิ่งนี้มีโอกาสสูงที่จะขัดขวางการทำงานของเรานะค่ะ เราควรหาทาง

จัดการกับมันให้เร็วที่สุด"

หลังจากได้ยินคำพูดของโซลูชั่นแล้ว เซบาสก็คิดถึงเรื่องที่เขาคาดไว้ การเป็นข้ารับใช้ของนาซาลิคจาก

เหล่า41ตัวตนที่ยิงใหญ่ ไม่ควรคิดถึงบุคคลอื่น ทัศนคติที่เซบาสมีต่อซึอาเระถือว่าเป็นสิ่งที่ผิด

"คุณพูดถูกแล้ว ถ้าเธอคนนั้นขัดขวางต่อคำสั่งของท่านไอซ์ ฉันจะจัดการเธอโดยไม่ลังเลเลย"


โซลูชั่นดูแปลกใจ และพูดว่า"ถ้าคุณรู้อยู่แล้ว ทำไมถึงทำแบบนี้ละ"


"เธออาจจะมีประโยชน์ก็ได้ เนื่องจากเราได้ช่วยเธอมาแล้ว มันก็น่าเสียดายถ้าจะทิ้งเธอไป เราควรคิดถึง

วิธีที่จะใช้ประโยชน์จากเธอดีกว่า"

"...ท่านเซบาส ฉันไม่รู้ว่าคุณเอาเธอมาจากไหน แต่อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นแสดงว่ามันต้องมีเรื่องเบื้อง

หลังแน่ และท่านไม่คิดว่าเธออาจจะไม่พอใจที่ยังมีชีวิตอยู่หรอ?"

"ตอนนี้เรื่องนั้นก็ไม่เป็นปัญหาแล้วนี้?"


"...นั้นก็หมายถึง คุณมีใจให้พวกมนุษษ์พวกนั้นแล้วใช่ไหมค่ะ?"


"ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก เอาเป็นว่าถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นฉันจะจัดการเอง ดังนั้นฉันหวังว่าคุณจะสามารถ

ช่วยดูอย่างเงียบๆจนกว่าจะถึงตอนนั้นได้รึเปล่า เข้าใจไหม โซลูชั่น?"

"...เข้าใจแล้วค่ะ"


โซลูชั่นกลืนความหงุดหงิดของเธอขณะมองดูเซบาสเดินจากไป


ตอนนี้เซบาสได้พุดกับเธอไปหมดแล้ว แต่เธอก็ไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้ถึงแม้เธอจะไม่พอใจกับ

สถานการณ์นี้ก็ตาม นอกจากนี้เธอยังได้แค่เฝ้าดูอย่างเงียบๆจนกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น"

"เขาคงใช้ทรัพยากรของนาซาริคไปเพื่อมนุษย์คนเดียวแน่..."


สมบัติต่างๆและทรัพยากรของนาซาริคเป็นของไอซ์ อูว โกวน์ เป็นของนายเหนือหัวสูงสุด มันไม่เป็ันไร

จริงๆหรอที่จะเอามาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาติแบบนี้?

เธอไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ตาม


                                                                             ♦ ♦ ♦


เดือน 9 วันที่ 3 เวลา 09.48 (ผ่านไปประมาณอาทิตย์นึง)


เซบาสเปิดประตูหลักเข้ามา เขาได้ไปที่สมาคมนักผจญภัยตอนเช้าและบันทึกคำขอจากกระดานแจ้งข่าว

ทัั้งหมดก่อนที่จะมีคนสังเกตเห็น 

อีกทั้งเขามีข้อมูลที่ได้รับมาจากเมืองหลวงรวมไปถึงแม้แต่การซุบซิบบนท้องถนน จากนั้นจึงคัดกรอง

ข้อมูลใส่กระดาษและส่งไปให้นาซาริค การวิเคราะห์ข้อมูลถือเป็นงานที่ยากลำบาก ดังนั้นจึงต้องฝากฝั่ง
ให้เซบาสทำ

เข้าเดินผ่านประตูเข้าไปในบ้าน เมื่อก่อนโซลูชั่นจะเป็นเข้ามาต้อนรับเขา อย่างไรก็ตาม-


"ยินดีต้อนรับ...กลับ...ท่าน...เซบาส"


งานนี้ถูกส่งมอบให้เด็กสาวที่พูดอย่างนุ่มนวญออกมา เธออยู่ในชุดแม่บ้านที่มีกระโปรงยาวปกคลุมขา

ตั้งแต่วันที่เขาได้ช่วยเธอขึ้นมา หลังจากที่ได้มีการสนทนา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น