Overlord 10 สปอย



Cr. : https://www.facebook.com/maxky13?hc_location=group_dialog
      : Pitipong Wongsermsin

Spoil Overlord Volume 10

อารัมภบท Volume 10

- อัลเบโด้เดินเข้ามาในห้องนอนไอนซ์แล้วสูดอากาศในห้องให้ชุ่มปอด
- แต่น่าเศร้าไม่มีอะไรอยู่ในอากาศเลย เพราะไอน์ไม่มีกระบวนการเผาผลาญพลังงาน พูดง่ายๆก็คือไม่ได้หายใจ
-พอจิ้นว่าสูดลมหายใจของไอนซ์เสร็จก็หัวเราะ คุ ฟุฟุ แล้วไปเอนตัวนอนลงบนที่นอนไอนซ์
-พอนอนเสร็จ ก็เอามือเลื่อนลงไปที่ท้องน้อย ดูเหมือนว่าติดเป็นนิสัยไปซะแล้ว อัลเบโด้คิดขณะเอามือขึ้นมาเหมือนเดิม
- เหตุการณ์หลังจากการก่อตั้งประเทศ Sorcerous Kingdom และการบริหาร E-Rantel ภายใต้การปกครองทำให้งานเยอะสุดๆ
- บรรดาเจ้าหน้าที่ที่บริหารเมืองก่อนหน้านี้ เผ่นกลับไป Kingdom กันหมดแล้ว
-งานเลยมาสุมที่อัลเบโด้แทน
- เริ่มมีการฝึกพวก undead ไปทำงานพวกนี้แทน แต่ทำให้อัลเบโด้งานหนักกว่าเดิมอีกเพราะต้องมาฝึกเจ้าพวกนี้ด้วย สรุปช่วงนี้นาซาริกวุ่นวายสุดๆ
- การฝึก undeadยื้อเยื้อจาก ไม่กี่วันกลายเป็น2-3อาทิตย์ ผ่านไปเดือนนึงยังฝึกเสร็จแค่ครึ่งเดียว
- เมื่อเร็วๆนี้อัลเบโด้พึ่งพิจรณา ว่าจะเยี่ยมKing แห่ง Kingdom
- อัลเบโด้ กำลังคิดว่า ไอนซ์จะนำพาประเทศนี้ไปทางทิศไหน มีนโยบายอะไรกันแน่
- สุดท้าย ไอนซ์ ก็ยังให้คำตอบที่ชัดเจนไม่ได้
- อัลเบโด้เสียใจ ที่ไม่สามารถเข้าใจความคิดอันสุดยอดของไอนซ์ได้ในทันที แม้แต่เดมิเอิร์จที่เข้าใจความคิดทุกอย่างของอัลเบโด้ยังกล่าวว่า "ปัญญาของข้าก็ยังมิอาจตามความคิดของนายท่านได้ทัน ช่างเหลือร้ายจริงๆ"
-"สิ่งที่ชั้นต้องทำก็คือทำตามการตัดสินใจของท่านไอนซ์สินะ ไม่ว่าเขาจะสร้างประเทศแบบไหนขึ้นมาก็ตาม"
-"แล้วจะมีเกิดอะไรขึ้นกับเขามั้ยน๊า" แน่นอนไม่มีคำตอบใดๆตอบกลับมา นอกจากเสียงพึมพัมของอัลเบโด้เอง
*********************************************
เล่ม10 การเมืองซะส่วนใหญ่อ่านไปจะหลับ ขอสปอยด์ข้ามๆแค่พอรู้เรื่องนะครับ 'w' ออกเวลาเดิมช่วงเช้ามืด เอาไว้ให้อ่านแก้เซ็งกันเวลารถติดตอนไปทำงานหรือไปเรียน :D อุดหนุนฉบับลิขสิทธิ์กันด้วยนะครับเล่ม5มาแล้ว

 เล่ม 10 Chapter 1
- ไอนซ์ได้ย้ายห้องทำงานมาอยู่ที่ E-rantel แล้ว เป็นห้องของอดีตนายกเทศตรีคนเก่านั้นเอง และไอนซ์สังเกตุด้วยว่าไม่มีกลิ่นน้ำห้องติดเตียงนอนเหมือนที่นาซาริก
- ที่ไอนซ์นอนพักบ้างเป็นครั้งคราวเพราะยังมีเศษเสี้ยวความเป็นมนุษย์เหลืออยู่ คอยบอกให้ตัวเองพักผ่อนด้วยวิธีนี้บ้าง
-ในที่สุดก็เช้า มีสาวใช้มานั่งเฝ้าทั้งคืนหมุนเวียนกันไปวันละคนทั้งหมดมี41คน ด้วยสายตาที่จ้องมาทางไอนซ์ไม่กระพริบเพื่อเตรียมรับคำสั่งตลอดเวลา แต่ไอนซ์ก็อึดอัดนิดหน่อยนี่ถ้าเป็นสมัยซาโตรุ คงคุกเข่า ร้องไห้ขอให้หยุดไปแล้ว
-ในที่สุดไอนซ์ก็อนุญาติให้คนนี้ไปพักผ่อนได้ แล้วเก็บหนังสือที่นอนอ่านก่อนหน้านี้พลางๆ รอเมดคนใหม่มารับใช้
-เมดคนใหม่มา ชื่อว่า Fifth 
-สนับสนุนเว็บบล็อคผมง่ายๆแค่คลิกโฆษณาผมบ่อยๆ
- ไอนซ์เห็นพวกเมดแบบนี้เลยคิดสมัยที่เพื่อนในกิลบอกว่า "ชุดเมดเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ !"
- Ainzพา Fifth และ Edge Assassin ที่ไต่ลงมาจากเพดานไปยังห้องแต่งตัว ในนั้นมีเมดอีกชุดรอแต่งตัวให้ไอนซ์
- ไอนซ์บอกเลือกชุดให้หน่อย แม่บ้านเลยจัดชุดให้โครตลิเก แดงสดนีออนจนแสบตา แถมกระดุมหลากสีสรรค์ อีกครึ่งโหล มีตัวอักษรพิลึกๆที่ปักด้วยด้ายทอง
- ไอนซ์อยากปฏิเสธแต่ไอนซ์เป็นคนบอกเองว่า"ช่วยจัดการให้หน่อย" สุดท้ายก็จำใจใส่
-จากนั้นไปที่ห้องทำงาน แล้วไปให้อาหาร Nurunuru-kun ที่เป็น Lip Bug ด้วยใบไม้ (แมลงกล่องเสียงเหมือนของเอนโทม่า)
- พอไอนซ์นั่งได้สักพัก Elder Liches กับอัลเบโด้ก็เข้ามา
-อัลเบโด้ชมชุดของไอนซ์ ว่า"สวยงามน่าตื่นตา ชุดเปล่งประกายสุดๆ ไม่สิ ที่ชุดเปลี่งประกายได้แบบนี้เพราะท่านไอนซ์สวมใส่พวกมันต่างหาก"
- ที่เปล่งประกายเพราะกระดุมทำจากอัญมณี เนื่องจากหัวเหม่งของไอนซ์ไม่สามารถสะท้อนแสงได้
-ขอบคุณนะอัลเบโด้ อัลเบโด้เตรียมร่ายคำชม ต่อ แต่ไอนซ์ยกมือขัดจังหวะซะก่อน
- เอลเดอร์ลิช แบกกองเอกสารเป็นกะตั๊กมาให้ มันคือ supporting documents
-หลังจากที่ไอซ์เนียนๆดูเอกสารเหล่านั้นผ่านๆแล้ว แล้วหยุดเลือกขึ้นมาฉบับนึง ตั้งใจให้เป็นเป้าหมายของวันนี้ ไอนซ์เปิดอ่าน แล้วหลังจากนั้น
- "อะไรวะเนี่ย ไม่เห็นเข้าใจเลย มีอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับmaterial resources? มันสำคัญมากมั้ยนะ แล้วไอ้เจ้า Elder Liches มันเข้าใจจริงดิ? เอกสารพวกนี้น่าเบื่อเป็นบ้ายังกะเป็นพวกเอกสารทางกฏหมายเลย"
- ไอนซ์ ชวนอัลเบโด้เปลี่ยนเรื่อง ไปคุยเรื่องการออกกฏหมายฉบับใหม่ของประเทศนี้แทน

- จากนั้นคุยเรื่อง ความคิดเห็นต่างๆของคนในนาซาริก ยูริเสนอตั้งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อค้นหาผู้ที่มีพรสวรรค์แล้วปลูกฝังเพื่อให้มาเป็นกำลังของนาซาริก ไอนซ์อนุมัติ โดยส่ง ยูริ เพรสโตย่า และนิเกรโด้ไปดูแล
- เรื่องถัดมา [ฉบับนี้ไอซ์เขียนเอง] มีคนเสนอให้สร้างชุดพละขึ้นเพื่อเสริมสร้างความสามัคคีในนาซาริก [5555+ คิดได้ไงฟะ : คนสปอยด์]
- อัลเบโด้ทำหน้าโกรธ "ใครบังอาจส่งความเห็นงี่เง่าไร้สาระแบบนี้มา บังอาจให้ท่านไอนซ์เสียเวลาอันมีค่าไปกับเรื่องพรรนี้ ชั้นจะไปสืบส่วนหาคนเขียนแล้วจัดการสำเร็จโทษมันเองค่ะ!"
-"อย่านะ! ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น! ฟังนะอัลเบโด้ เจ้าห้ามทำอะไรแบบนั้นเด็ดขาด" ไอนซ์แก้ตัวว่า ไอน์เป็นคนบอกเองว่าต้องการรับฟัง feedback ทุกมุมมอง ถ้าไปตำหนิหรือลงโทษคนเขียนแบบนั้น ก็เท่ากับไอนซ์โกหกน่ะสิ 
- ขณะที่จะคุยเรื่องต่อไป ออร่า และมาเร่เข้ามาพอดี
-ทั้งคู่ทักทายไอนซ์และอัลเบโด้ จากนั้น ออร่าเดินวนรอบโต๊ะไอนซ์แล้วไปยืนอยู่ข้างๆ จากนั้นออร่า ทำมือ รูปตัวV สัญญลักษณ์แห่งชัยชนะ ทั้งสองข้าง พร้อมกับจ้องไอนซ์ด้วยสายตาที่คาดหวังเป็นประกาย จากนั้นเริ่มกระโดดกระต่ายขาเดียว [hopping]
-ไอนซ์เข้าใจแล้วว่าออร่าต้องการอะไร
-ไอนซ์อุ้มออร่าขึ้นมา
- อ๊ะ ท่านจะทำอะไรน่ะ ท่านไอนซ์!?
- ไอนซ์ไม่ได้สนใจเสียงร้องครวญครางเหมือนจะร้องไห้ของอัลเบโด้ จากนั้นวางออร่าไว้บนตักด้านขวา
- อิอิอออิ๊ เป็นเสียงหัวเราะของออร่า ที่อายแต่ก็แฝงไปด้วยความดีใจ เท่านั้นยังไม่พอ ไอนซ์หันไปอุ้มมาเร่มานั่งตักซ้ายอีกด้วย
- อ๊ะ อือ ทะท่านไอนซ์คะ แล้วฉันละคะ?
-ไม่อ่ะ

chapter 1.2

-แต่ละ แล้วทีสองคนนั้น....
-อัลเบโด้เธอโตแล้วนะ แต่สองคนนี่ยังเป็นแค่เด็ก จากนั้นไอนซ์เหมือนเห็นแสงอะไรลั่น เปรี๊ยะๆสักอย่างด้านหลังอัลเบโด้ ไอนซ์เลยตัดบทถาม ออร่า กับว่าเร่ว่า มีเรื่องอะไรรึ?
- การสร้างมหาสุสานนาซาริกเก๊ สำเร็จแล้ว หรือจะเรียกว่าคลังเก็บทรัพยากรก็ได้ หน้าที่หลักๆคือเป็น สถานที่หลับภัย(bunker) และที่เก็บทรัพยากร ตอนนี้มีแต่พระจักพรรดิคนเดียวที่รู้จักที่ตั้ง (ไปเยี่ยมไอนซ์ตอนเล่ม7)
- ส่วนงานของมาเร่ คือขุดสุสานใต้ดินแถบชานเมืองของ E-Rantel Shalltearดูแลเรื่องGate ความปลอดภัยขณะเคลื่อนย้าย โคคิวทัสดูแลหมู่บ้านกิ้งก่า และเดมิเอร์จเดินทางไป อาณาจักรศักสิทธิ์
- ออร่าตอบว่า เราที่นี่เพื่อเจอท่านไอนซ์ค่ะ! ด้วยน้ำเสียงร่าเริง "ข้าก็ดีใจที่ได้เจอเจ้าทั้งคู่นะ" ไอนซ์ตอบ
-จากนั้นไอนซ์ลูบหัวออร่า ออร่ารู้สึกสบาย จึงเอาหัวมุดมือไอนซ์คลอเคลียต่อ เหมือนลูกแมวที่น่ารัก
-อัลเบโด้เริ่มตัวแบ้วเหมือน เด็ก
-ไอนซ์คิดในใจว่า อัลเบโด้ทำตัวเหมือนเด็กทารก เพื่อ? หรือว่าหล่อนจะทำงานหนักเกินไป อ๊ะหรือว่ามีผลกระทบจากการที่ขังเธอไว้ในคุกกันนะ (เล่ม8อัลเบโด้หื่นแตก ขับกดไอนซ์ เลยโดนลงโทษขังคุกไป3วัน)
- เอ่อ คือ.. ผม ผมว่าผมควรสละที่นั่งให้คุณอัลเบโด้น่ะฮะ มาเร่บอก
-งั้นก็โทษทีนะ มาเร่ แล้วเรียกอัลเบโด้มานั่งตัก
-ไอนซ์คิดในใจ อัลเบโด้โครตนุ่มเลย!! ทั้งๆที่เป็นนักรบเลเวล100แท้กล้ามเนื้อเธอหายไปไหนกันนะ
-แล้วไอนซ์ก็ได้กลิ่น น้ำหอม จากร่างกายของอัลเบโด้ ซึ่งไอนซ์รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก (กลิ่นที่เตียงไอนซ์)
-ไอนซ์พยายามดม อัลเบโด้ต่อ นางบอกให้ดมได้ทั้งวันเลย 
-ออร่าขัดจังหวะการดมชุดอัลเบโดของไอนซ์ บอกว่ามันดูไม่ดี ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา จนตอนแรกไอนซ์ไม่รู้ว่าเป็นเสียงของออร่า ออร่างอนแก้มป่องซะแล้ว
- ไอนซ์จะทำงานต่อเลยบอกให้ทั้งสองคนลุก ทั้งคู่ไม่ยอมลุก รออีกฝ่ายลุกก่อน ไอนซ์เลยอุ้มออร่าลง ส่วนอัลเบโด้ไม่ยอมเพราะหาว่า ออร่าได้นั่งตั้ง3:41นาที ส่วนตัวเองพึ่งได้นั่งแค่57วินาที
- สุดท้ายก็เถียงกัน ออร่าหาว่า อัลเบโด้ใชเวลาอยู่กับไอนซ์เยอะเกินไป อัลเบโด้ตอบว่า ช่วยไม่ได้มันเป็นงาน
-ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเถียงกันไอนซ์ งง เพราะเข้าใจว่าที่อัลเบโด้ทำตัวแบบนี้เพราะหลงรักเรา แต่ออร่าล่ะ ทำไมถึงทำแบบนี้ เธอไม่ได้หลงรักเราสักหน่อยนี่นา 
- ไอนซ์ถามถึงเอลฟ์สาวที่เป็นนักทาง นักผจญภัยที่มาบุกในเล่ม7 ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ออร่า ตอบว่าพามาอยู่ชั้น6แล้ว แถมรำคาญนิดหน่อย ตรงที่ทาสเอลฟ์เหล่านั้นพยายามดูแลออร่า เช่น ช่วยแต่งตัวให้
-ไอนซ์ว่าดูแลพวกเขาให้ดีต่อให้โกรธก็อย่าฆ่าพวกเขา ถ้าลำบากใจจริงๆให้มาบอก เดี๋ยวจะส่งไปที่อื่นให้
-มาเร่ ก้มหน้าพึ่มพัมๆ อะไรสักอย่าง พร้อมกับส่งสายตาเย็นชาไปที่อัลเบโด้ ที่กำลังนั่งตกไอนซ์ ไอนซ์เลยให้อัลเบโด้ลงได้แล้ว
-ไอนซ์ให้ทั้งคู่เสนอไอเดียอะไรก็ได้ เพื่อปรับปรุง E-Rantel
-ออร่าเสนอให้ เด็กผู้ชายแต่งตัวเป็นผู้หญฺิงเหมือนมาเร่ให้หมดทุกคน 
- Bukubukuchagama-! ไอนซ์อุทานขึ้นในใจ
-ไอนซ์ปวดกบาล เพราะถ้าปฏิเสธก็เท่ากับ ความคิดของ 1ใน41ผู้ยิ่งใหญ่นั่นมันผิดน่ะสิ เอายังไงดีนะ
-นี่มันต้องเลวร้ายแน่ เท่ากับเป็นการประกาศว่า Sorcerous Kingdom of Nazarick คือประเทศแห่งการ cross-dressing น่ะสิ
- ไอนซ์ ลุกออกไปมองที่หน้าต่าง พร้อมบอกว่า "ข้าไม่อนุญาติ" ปกติไอนซ์จะให้อัลเบโด้อธิบายเรื่องต่างๆในนามของตน เพราะไอนซ์ไม่รู้เรื่องแผนการของลูกน้องที่มโนขึ้นมาจริงๆ แต่คราวนี้ลูกน้องสงสัยกันหมด ไอนซ์ต้องอธิบายด้วยตัวเองแล้ว
- ไอนซ์ให้เหตุผลว่า ที่ทั้งคู่แต่งตัวสลับเพศ ทั้งสองคนเป็นคนพิเศษของ Bukubukuchagamaยังไงล่ะ! ถึงได้มีโอกาสแต่งตัวแบบนี้ ดังนั้นเราควรไม่ยอมให้ประชาชนคนธรรมดา มีสิทธิ์พิเศษนี้ด้วย
- ทั้งคู่เชื่อด้วยแฮะ ต่อมาไอนซ์ก็อัลเบโด้พูดต่อ โดยชมประมาณว่า "ตามคาด Albedo เจ้ารู้ความคิดของข้าโดยไม่จำเป็นต้องให้ข้าต้องพูด"
-อัลเบโด้อธิบาย เป็นทางการว่า มันไม่มีทางทำแบบนั้นได้เพราะทรัพยากรเราไม่เพียงพอ เนื่องจากตั้งแต่ยึดเมืองนี้มา บรรดาพ่อค้าทั้งหลายต่างหายหน้าหายตาไปหมดเลย ด้วยเพราะความกลัว
- "ไอนซ์คิดในใจ เอ๊ะ อ้าวจริงดิ " (เอกสารที่พี่อ่านละงงตอนต้นนั่นแหละครับ - ผู้สปอยด์)
- อัลเบโด้บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงเพราะเดมิเอิร์จได้ทำการหวานเมล็ดพันธุ์ไว้ก่อนหน้านี้ แล้วตอนนี้พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวแล้ว ดังนั้นไม่มีอะไรต้องห่วง
-ไอนซ์งง เดมิเอิร์จไปปลูกเมล็ดพันธุ์อะไร ตอนไหน แต่ก็น่าทึ่งจริงๆ ไอนซ์อยากจะถามเรื่องการเก็บเกี่ยวแต่ก็ทำไม่ได้เพราะภาพลักษณ์ของ Ainz Ooal Gown คือต้องรอบรู้ทุกสิ่ง
- ถึงไอนซ์จะรอบรู้ขนาดจดจำสกิล700สกิลพร้อมรายละเอียดได้ แถมติดTOP5ผู้รอบรู้ของกิลอีก แต่เรื่องวิชาการมันคนละเรื่อง
-อัลเบโด้ ขอการอนุมัติไปเยือนพระราชาแห่ง Kingdom
-อะไรนะ!? ไอนซ์เผลอร้องออกมาดังกว่าปกติ
-ส่งอัลเบโด้ไป เดมิเอิร์จก็ไม่อยู่ ทำให้ไอนซ์กังวลเพราะ ยังยึดเมืองไม่เสร็จสมบูรณ์ ไอนซ์เลยถามว่าแล้วใครจะดูแลนาซาริกล่ะ?
-แพนโดร่า แอ็คเตอร์ไงคะ
-ออร่ากะมาเร่เห็นด้วย ว่าต้องไม่เป็นไรแน่ๆถ้าเป็นแพนโดร่า แอ็คเตอร์
- อัลเบโด้บอกว่าที่เหมาะเพราะเป็นเหมือนลูกของไอนซ์ พ่อยังไงลูกก็แบบนั้น
-ไอนซ์บอก เขาแค่เด็กโง่ เขาไม่เหมือนฉันเลยสักนิด ก็ไม่ใช่ความผิดของเขาหรอกนะ แต่เขาเหมือนเด็กจริงๆ (ไอนซ์พยายามปฏิเสธว่าไม่เหมือนแพนโดร่า เพราะอายที่จูนิเบียว- คนสปอย)
-ไอนซ์ถามแล้วเรื่องของMomonจะทำยังไง อัลเบโด้บอกว่าเรื่องที่ เล่นแพนโดร่าละครเป็น Momonอยู่ ก็จะแกล้งหาข้ออ้างรับเควสให้เดินทางไปลาดตระเวณต่างประเทศ
- ไอนซ์ถามต่อแล้วประชาชน พวกเขาจะมีท่าทียังไงถ้าMomonไม่อยู่
-อัลเบโด้บอกว่า ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี เนื่องจากประชาชนเชื่อมั่นในตัวของMomonอย่างสุดซึ่ง ดังนั้นที่เหลือก็เพียงแค่ให้Momonไปบอกพวกผู้นำท้องถิ่น ให้เชื่อฟังพวกเราห้ามต่อต้านแค่นี้ก็เรียบร้อย
- อัลเบโด้บอกว่าจะเจรจาอะไรบางอย่างกับราชาของKingdom ขอให้ไอนซ์สละเวลามาช่วยตรวจร่างแผนการด้วยกันจะได้มั้ย. ไอนซ์ok
-จากนั้นอัลเบโด้ขอชุดสวยๆหลายๆชุด (ด้วยเนื่องจากผู้สร้างตัวเองให้แค่ชุดเดียวเดรสขาว ส่วนชุดชั้นในนั้นมีนับไม่ถ้วนหลากหลายชนิด) ซึ่งไอนซ์ก็อนุมัติ

ตอนที่2
- หลังจากจบเรื่องทั้งหมด ก็เป็นเวลาว่างไอนซ์จึงคิดว่าจะไปหา แพนโดร่า แอ็คเตอร์ สักหน่อย จึงไปพร้อมกับ Fifth และ Eight Edge Assassins
-ในเขตนี้มีสิ่งก่อสร้าง3อย่างคือ ที่ทำการของรัฐบาล พระราชวังของไอนซ์ และเกสต์เฮาส์
-ไอนซ์เดินไปหาแพนโดร่าที่เกสเฮาส์ แต่ก็ไปสะดุดกับคอกม้าหน้าเกสต์เฮาส์ซะก่อน
-สิ่งที่อยู่ในคอกม้าไม่ใช่ม้าแต่เป็นแฮมสุเกะที่กำลังหลับอุตุยังกะคนวัยกลางคนอยู่ โดยไม่ได้ทันสังเกตุว่าไอนซ์เข้ามาใกล้แล้ว
-ที่สำคัญคือไม่ได้มีแต่แฮมสุเกะไอนซ์สังเกตุว่า Death Knight ก็กำลังนอนอยู่กับแฮมสุเกะด้วยโดยมีหางแฮมสุเกะพันรอบเอวของ Death Knight 
-หลังจากปลุกแฮมสุเกะ ไอนซ์ถามว่านั้นมันอะไรน่ะแฮมสุเกะ แฮมสุเกะตอบว่าเขาเป็นเพื่อนของข้าพเจ้าที่ร่วมฝึกฝนด้วยกันขอรับ
-ก่อนหน้านี้ไอนซ์ลองติดตั้งartifacts ที่ช่วยเพิ่มXP แต่จะอ่อนแอลง ให้ Death Knight แต่ก็ไม่ได้ผลเลยเอาออก และทิ้งให้ฝึกกับแฮมสุเกะ
-ไอนซ์บ่นว่าแฮมสุเกะไม่มีสัญญาติญาณเลยขนาดเข้ามาใกล้ๆยังไม่รู้ตัว เอาจริงเอาจังหน่อยสิ แต่แฮมสุเกะอ้างว่าปกติ ใหญ่สุดในป่าไม่มีใครมาโจมตีเลยติดนิสัยประมาท
-ไอนซ์เลยคิดว่า อย่างน้อยต้องมีช่วยวัยเด็กสิที่อันตรายสิ หรือก่อนหน้านั้นไม่มี พวกยักษ์แห่งตะวันออก กับอสรพิษตะวันตกหรอ
-แฮมสุเกะไม่รู้จักสองตัวนี้ซะงั้น ไอนซ์ก็เลย งง ไหนว่า เป็นผู้พิทักษ์ป่าที่ คานอำนาจกันอยู่ในป่าแห่งนั้นไง [แต่ยักษ์กับอสรพิษรู้จักกันนะ]
- ไอนซ์ ไม่เข้าใจ ไหนแกเป็นราชาพงไพรพิสุทธิ์ ผู้รอบรู้ยังไงล่ะ แฮมสุเกะเลยบอกว่า เคยมีนักผจญภัยบุกรุกเข้าอาณาเขตมา3คน แต่รอดเพียงคนเดียวเพราะ คนนั้นเรียกแฮมสุเกะว่าราชาพงไพรพิสุทธิ์ผู้รอบรู้ แฮมสุเกะถูกใจเลยปล่อยไป
-ไอนซ์เลยพึ่งเก็ตว่าฉายานี้ แฮมสุเกะได้มาได้ยังไง แต่ถึงอย่างนั้นมนุษย์ที่สามารถคว่ำแฮมสุเกะได้เท่าที่นึกออกคงมีแค่ Clementine กับ Gazef เท่านั้น
-สุดท้ายก็เลยเข้าใจว่าไอ้เจ้านี่มันเป็นแค่แฮมเตอร์ในป่าเท่านั้นเองนี่หว่า!
-ไอนซ์สอบถามว่าแพนโดร่าแอ็คเตอร์เป็นยังไงบ้าง 
-แฮมสุเกะรายงานว่า ปกติพี่แกไม่ได้ขี่ข้าพเจ้า แต่ใช้รถม้าของมนุษย์ไปตระเวณหาข่าว สรุปวิธีนี้ ไอนซ์ก็จะรู้ว่า ใครที่คิดร้ายคิดไม่ดีกับไอนซ์บ้าง หรือวางแผนต่อต้านไอนซ์ เพราะชาวบ้านนับถือMomonคิดว่าเป็นพวกเดียวกัน
-แฮมสุเกะอยากเจอพวกกิ้งก่า ไอนซ์บอกจะให้โคคิวทัสพามาให้แถมเกราะต้นแบบน่าจะเสร็จสมบูรณ์แล้วด้วย
-แฮมสุเกะดีใจมาก ไฟติดแล้ว "ขอบมากขอรับนายท่าน มาเถอะคุณ Death Knight เรามาพยายามไปด้วยกันนะ!!" พลังมิตรภาพช่างเร่าร้อนยิ่งนัก
- ไอนซ์เดินต่อไปจะเข้าเกสต์เฮาส์ไม่ได้สนใจพลังมิตรภาพที่เร่าร้อน แต่เหมือนได้ยิงเสียงจากด้านหลังว่า "รำคาญเฟ้ย!!" แต่ไอนซ์ก็คิดว่าหูแว่วมั้ง เพราะDeath Knightมันพูดไม่ได้นี่นา

2.1
-ไอนซ์เดินเข้ามาในเกสต์เฮาส์และเข้าไปรอในห้องพักโดยมีEight Edge Assassinsไปตามแพนโดร่า แอ็คเตอร์มาให้
จากนี้ไปถ้าเป็นบทสนทนา ขอให้คิดเสียงมันพูดตามในเมะละกันนะ
-โอ้!! สิ่งมีชีวิตผู้ใหญ่ ผู้สร้างของฉัน!
-ไม่จำเป็นต้องทักทาย นั่งได้
-ครับผม!
-แพนโดร่า ตบเท้าตะเบ๊ะ แล้วเข้ามา ท่าทางเหมือนทหารทุกระเบียดนิ้ว แต่ไอนซ์คิดว่ามัน overacting มากไป
-แพนโดร่าเข้ามานั่งข้างๆไอน์ ไอนซ์งงนิดหน่อย ทำไมมันไม่นั่งฝั่งตรงข้าม? คงไม่เป็นไรมั้ง แต่มันก็ใกล้เกินไปหน่อยนะ
-ไอนซ์ถามเรื่องงานเป็นยังไงในบทบาทของ Momon แพนโดร่าตอบ "ไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับผ้ม"
-ไอนซ์ถามต่อแล้วมีเรื่องอะไรที่เป็นปัญหาหรือไม่
-บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไป แพนโดร่ายืนหน้าเข้ามาระยะประชิด จนโมมอนต้องกระเถิบมาแทบตกโซฟา
-ผมเดือดร้อนมากๆเลยครับผม! ไอนซ์ถามสาเหตุ
-ในเวลาแบบนี้ผมไม่สามารถแม้แต่จะสัมผัสไอเท็มเวทย์มนต์ได้! ผมไม่สามารถดูแลรักษาอุปกรณ์เวทย์มนต์ที่ผู้สร้างได้ทำขึ้นมา! การจัดเรียง data crystalsก็ทำไม่ได้! ขอร้องละครับผมท่านไอนซ์ ขอให้ผมได้มีเวลากับสิ่งเหล่านั้นบ้างเถอครับ!!
-ไอนซ์บอกก็อนุญาติให้กลับนาซาริกได้ทุกวันนี่ แต่แพนโดร่าบอกก็ไม่ได้สิทธิ์เข้าไปในคลังสมบัติอยู่ดี ไอนซ์เลยอนุญาติแล้วจะแจ้งกับแซลเทียมอบแหวนให้
-จากนั้นไอนซ์บอกให้หยุดพูดสำเนียงแบบนี้ซักดี วันทยาหัตถ์ก็ด้วย เคยสั่งไปก่อนหน้านี้แล้วนี่
-ครับผ้ม!
-ฟังนะแพนโดร่า ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่คือผู้สร้างกับผู้ถูกสร้างถูกมั้ย? จริงๆแล้วข้าก็มีความสุขนะที่เห็นเจ้าตั้งใจทำงานหนัก เพื่อแสดงให้ข้าเห็น แต่บางทีข้าก็สงสัยเหมือนกันว่า การที่ลูกๆของตัวเองทำงานหนักกว่าพ่อแม่นั้นมันดีหรือไม่
-"อะอะอะ โอ โอ้อออออ ทะท่านไอนซ์ ท่านคิดว่าผมคือลูกของท่านหรือออออ ครับผ้มมมม!!!"
-เออะ เอ่อก็ทำนองนั้น ลูกชาย.. ดังนั้นไม่ต้องทำอะไรเวอร์ๆอย่าง พูดภาษาเยอรมันหรือ วัทยาหัตถ์ต่อหน้าข้าก็ได้ สิ่งที่ข้าอยากเห็นจริงๆก็คือการที่เจ้าได้เติบโตขึ้นต่างหากล่ะ
-ไอนซ์ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นจากด้านหลัง จึงหันไปมอง ปรากฏว่าเป็น Fifth กำลังเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาหล่อนร้องไห้ด้วยความซึ้งใจ ความสัมพันธ์ของพ่อลูก
-"เธอไม่ร้องไห้ง่ายไปหน่อยเรอะ" ไอนซ์เริ่มรู้สึกสับสน ขณะเดียวกันแพนโดร่าก็โค้งศรีษะให้ไอนซ์
-"รับทราบครับผม! ท่านพ่อ!!"
-"ผมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังครับผม!! ท่านพ่อ!"
-จากนั้นไอนซ์สั่งห้าม Fifth และแพนโดร่าห้ามบอกใครเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องนี้ เนื่องจากกลัวคนอื่นได้ยินแล้วจะมีดราม่าตามมา
-จากนั้นแพนโดร่าถามถึง นโยบายที่ไอนซ์จะปกครองประเทศ นี้
- ไอนซ์ : หน่านิ๊
-"มีมนุษย์จำนวนมากครับ ที่สงสัยว่าท่านพ่อจะนำพาประเทศไปทางไหนเพราะ ถ้าเกิดใช้นโยบายขยายอาณาจักร พวกเขากลัวว่าจะต้องถูดเกณฑ์ไปรบ"
-ไอนซ์โดนแช่แข็งอีกแล้ว
-ไอนซ์เป็นเพียงแค่คนปกติ พนักงานธรรมดาไม่สามารถทำไรที่มันไกลเกินตัวอย่างการครองโลก ซึ่งไอนซ์หยุดคิดเรื่องนี้ไปละ จะดีกว่านี้ถ้ายกเรื่องนี้ให้อัลเบโด้หรือเดมิเอิร์จเป็นคนตอบ
-มีอะไรหรือปล่าครับท่านพ่อ?
-ไม่มีอะไร แผนงานขอประชุมกับคนอื่นๆที่นาซาริกก่อนละกัน งั้นหมดเรื่องแล้ว ขอตัวล่ะ
-ไอนซ์เดินไปที่ดาดฟ้าแล้วใช้เวทย์ FLY บินขึ้นไป
-ไอนซ์ไม่สนคำเตือนของ Eight Edge Assassins ว่าไปคนเดียวมันอันตราย แถมหัวเราะใส่อีก
-เนื่องจากคนที่จะร้ายไอนซ์ขณะบินได้นั้นคงมีเพียงแค่ Peroroncino the archer เท่านั้น ต่อให้เป้าหมายอยู่ห่างไปถึง2000เมตร เขาก็ยังยิงโดน โดยแทคติคที่ชอบใช้ก็คือการซุ่มยิง
-ระหว่างนั้นก็คิดเรื่องอยากจะมีลูกน้องเลเวลสูงๆเป็นไพ่ตาย แต่ก็ติดปัญหาหลายอย่างเช่น บางสกิลต้องใช้ XP บางสกิลต้องใช้คฑากิลพกติดตัวก็คงไม่ดี จะใช้Mercenary monstersก็ถังแตกอีก
-หรือจะใช้พิธีแห่งความมืดเรียก Granted The Eternal Deaths ดีกว่า เลเวล90แถมมีพาสซีพ อย่าง [Despair Aura V (instant death)] และ [Despair Aura I (fear)] แถมยังมีสกิลต่อต้านด้านจิตใจอีกทำให้จัดการยากมาก
-แต่ไอนซ์ก็ไม่เอา เพราะมันรูปร่างน่าเกลียดไม่เหมาะเอาไปเดินในเมืองด้วย
-ไอนซ์บินลงมาสั่ง Fifth ว่าจะกลับนาซิริกไปสร้างundeadเพิ่ม เพราะสร้างที่นี่ไม่ได้เดี๋ยวโดนนินทา คะแนนนิยมติดลบ จากนั้นไอนซ์ก็คิดขึ้นได้ ว่าควรสร้างสิ่งสวยๆงามๆให้เมืองมั่งดีกว่า
-แม้ไอนซ์ จะค่ากรรมติดลบถึง-500 ก็ตามแต่ก็ไม่มีปัญหาในการเรียกสิ่งสวยๆงามๆอย่างฑูตสวรรค์ ที่มีค่ากรรมเป็นบวกอย่างมาก 
-ไอนซ์มุ่งหน้าไปยังลานกว้าง ระหว่างที่ทำพิธีซํมม่อน ไอนซ์ให้ Fifth คุยกะเขาไปพลางเช่นเรื่องทำความสะอาด เรื่องชั้น9 แล้วไอนซ์ก็ได้รู้ตอนนี้ว่า อัลเบโด้ห้ามmaidทุกคนเข้าไปทำความสะอาดห้องของตัวเอง
-ไอนซ์เปลี่ยน equipmentเสร็จก็เริ่มร่ายเวทย์มนต์ เวทย์นี้เป็นระดับ super-tier spell [Pantheon] เวทย์นี้คล้ายกับเวทย์ระดับ 10th [Armageddon - Good]และ super-tier spell [Nibelung I] แต่ตรงข้ามกับ super-tier spell [Pandemonium].
- ไอนซ์สั่งให้ ฟิพ ไปเอา Nurunuru-kun จากในห้องให้หน่อย จากนั้นเอา Lip Bug ใส่เข้าไปในคอของตัวเอง
-จากนั้นมีเสาแห่งแสงปรากฏรอบตัวไอนซ์6เสา และมีเทวฑูตปรากฏตัว ซึ่งแต่ละตัวมีเลเวลประมาณ80! พวกมันชื่อว่า Cherubim Gatekeepers
-ไอนซ์สงสัยว่ามันเป็นเทวดาผู้เฝ้าประตูยังไง นี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ เทวฑูตเหล่านั้นมีหัวเป็นสิงโต มี4ปีก ปีกคู่นึงพับไว้รอบตัว อีกคู่สยายออกไป ใส่เกราะที่แวววับสะท้อนแสง มือข้างหนึ่งถือโล่รูปนัยย์ตา อีกข้างถือหอกไฟ
-เจ้าพวกนี้เหมาะกับเป็นตัวTank และมีประสาทสัมผัสที่ดีมาก
-และ การที่ใช้สุดยอดเวทย์ Summon รวมทั้งเป็น super-tier อีก คงอยู่ไม่นานแล้วจะหายไปเองเลยต้องเร่งทำเวลาสักหน่อย
-ไอนซ์จึงรีบเดินเข้าตัวเมือง

ตอนที่3
-ไอนซ์และพรรคพวกได้เดินไปตามถนนสายหลัก ซึ่งตอนนี้ไม่มีชีวิตชีวาเหมือนสมัยก่อนตอนที่เป็นMomonแล้ว ผู้คนรีบๆเดินเพราะความกลัวหวาดระแวง ตรงข้ามกับพวกDeath Knight ที่เดินยืดอกอย่างภาคภูมิใจ หน้าที่ของมันคือจับกุมพวกที่หัวรุนแรงหรือช่วยเหลือคนที่เข้ามาขอความช่วยเหลือ พูดง่ายๆก็เหมือนพวกสายตรวจนั่นแหละ
-นอกจากนี้ยังมีบางส่วนที่ไอนซ์สั่งให้ไปช่วยสร้างบ้าน ให้คนในสลัมของเมืองด้วย [สารพัดประโยชน์จริงๆตั้งแต่เป็นตำรวจยัน แรงงานก่อสร้าง -คนสปอยด์]
-คนส่วนใหญ่ในสลัมคือพวกลูกคนรองหรือคนที่3 ออกตามบ้านมาตามหาฝันในเมืองใหญ่เพราะคนโตมักจะได้มรดกไป แต่สุดท้ายพวกเค้าก็ฝันสลาย กลายมาเป็นพวกไร้บ้าน มาอาศัยอยู่ในสลัม ซึ่งไอนซ์สัญญาว่าจะให้ที่ดินทำกินภายหลังด้วย
-ถ้าผู้อ่านทุกคนจำเหตุการณ์เล่ม1ได้ละก็ Slaine Theocracy มันส่งทหารปลอมตัวและพวกนีกุน มาเผาหมู่บ้านในเขตของ Kingdomเพื่อล่อ กาเซฟไปกำจัด หมู่บ้านทั้งหลายที่ล่มสลายโดนพวกมันเผา ไอนซ์วางแผนให้พวกคนในสลัมไปอยู่ และให้ Death Knight ช่วยสร้างที่อยุ่ให้ รวมทั้งให้ Death Knight และ Soul Eaters ไปคุ้มครองและช่วยทำฟาร์มอีกด้วย
[คนสปอยด์- อยากเห็นภาพ Soul Eaters กำลังปลูกผักจริงๆ - -"]
- แต่แผนการจริงๆของไอนซ์ก็คือ พยายามกอบกู้หมู่บ้านในปีแรก และให้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในปีที่2 เพื่อชาวบ้านพวกนั้นจะได้จ่ายภาษีคืนกลับมาให้ไอนซ์ จากนั้นจะทำภาษีที่ได้ไปโยนใส่Exchange Box เพื่อให้มันแปลงสกุลเงินกลายเป็น YGGDRASIL gold coins นั่นเอง เนื่องจากบางสิ่งบางอย่างจำเป็นต้องใช้ YGGDRASIL gold coins สร้างขึ้นมาเช่น Bug Lip เป็นต้น
- แน่นอนงานนี้ Albedo และ Demiurge ก็ไม่พลาดอวยไอนซ์ ว่าเป็นไอเดียสุดยอดดังกับเป็นไอเดียของสวรรค์ก็มิปาน
-ยังมีโครงการ ให้ยืม undead เพื่อไปตั้งถิ่นฐานที่อื่นอีกด้วย แน่นอนต้องจ่ายค่าเช่าด้วยนะ
-ตอนนี้ไอนซ์คิดว่ามีประเทศเอาไว้เป็นโรงงานผลิตเหรียญทองอิกดราซิล แต่ก็มีความคิดอย่าง ว่าผสมพันธุ์มนุษย์แล้วฆ่าทิ้งรัวๆจากนั้น เก็บEXPไว้ใน เวิร์ลไอเท็ม ที่ชื่อ Avarice and Generousแทน เป็นโรงงานผลิตEXP หรือสร้างประเทศที่มีแต่ undead คอยทำงาน คนปกติไม่ต้องทำงาน ก็ดีเหมือนกัน
- ไอนซ์อยากรู้ว่า ประเทศในตอนนี้มีความสุขดีมั้ยจึงถาม Fifth แต่คำตอบก็น่าผิดหวังเพราะ Fifth ตอบว่า "แน่นอนว่ามีความสุขเพราะประเทศนี้ถูกปกครองโดยท่านไอนซ์ค่ะ"
-Fifth เริ่มหงุดหงินเพราะประชาชนเอาแต่ซ่อนตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ยอมมาเคารพไอนซ์ แต่บางคนที่อยู่บนถนนก็เข่าอ่อน เพราะได้เห็นฑูตสวรรค์ระดับสูง
-ไอนซ์เล่าให้Fifthฟังว่า ตอนนี้กำลังดำเนินโปรเจ็ค ยูโทเปีย จะสร้างประเทศที่รวมทุกเชื้อชาติและทุกเผ่าพันธุ์ ไม่มีการแบ่งแยก ตอนนี้ทดลองอยู่ชั้นที่6ของนาซาริก
-ขณะที่ไอนซ์คิดว่าจะปกครองประเทศไปในทิศทางไหนดีก็เดินมาถึงหน้าสมาคมนักผจญภัยพอดี
-ไอนซ์เดินเข้าไปในสมาคมเพราะคงติดนิสัยจากสมัยเป็นMomonมา แต่ตอนนี้สมาคมนักผจญภัยกลับรกร้าง มีเพียงคำขอ ไม่กี่แผ่นและสาวแว่นที่เป็นพนักงานต้อนรับเท่านั้น
-เนื่องจากหลังๆไอนซ์ใช้Death Knightทำแทบทุกอย่างทั้งตรวจตรา จัดการมอนเตอร์ดูแลความปลอดภัย แต่ก็มีบางอย่างที่ทำไม่ได้เช่นแยกแยะเก็บสมุนไพร เลยส่งไปเป็นผู้คุมกันพวกคนที่จะไปเก็บแทน
-ดังนั้น คำร้องก็เลยลดน้อยลง นักผจญภัยที่โดนDeath Knightแย่งงานไปก็ไม่มีงานทำเลยแยกย้ายกันไปที่อื่น 
-เหลือสมาชิกราวๆแค่10คนเท่านั้น ไอนซ์ครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดีถ้าปล่อยเป็นแบบนี้ละก็ คงจะลงเรื่อยๆจนเหลือ0แน่ๆ
-ทางแก้ง่ายๆก็คือข้างให้ไปกำจัดมอนเตอร์เหมือนเดิม แต่จริงๆแล้วไอนซ์อยากให้ไปสำรวจดินแดนที่ยังม่รู้จักดีกว่า แต่ยังไงก็ตามช่วงนี้ไอนซ์ไม่มีเงินพอจะจ้างได้ขนาดนั้น
-ในคลังสมบัติมีกองเหรียศทองมหาศาลก็จริง แต่เป็นเงินของทุกคนที่ช่วยกันหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง ไอนซ์เลยไม่อยากจะใช้เงินเหล่านั้นในการใช้จ่ายเพื่อสนองความต้องการส่วนตัว
-ระหว่างนั้นประตูกิลล์เปิดออก มีนักผจญภัยคนนึงเข้ามา ชื่อ Moknak Moknakเป็นนักผจญภัยทั่วไป ระดับMithril เป็นหัวหน้าปาร์ตี้ชื่อว่า “Rainbow” และยังเป็นคนที่เกิดที่เมืองนี้
-ไอนซ์อยากรู้ว่าทำไมเขาไม่ย้ายไปที่อื่นเหมือนคนอื่นๆ Moknak บอกว่า เพราะเขาเกิดและเติบโตที่นี่ และชื่นชอบในตัวMomonมากๆด้วย Momonอุตส่าห์อยู่เป็นโล่ให้ประชาชนไม่ยอมทิ้งเมืองนี้ไปทั้งๆที่เป็นคนที่อื่น แต่เขาเกิดและโตที่เมืองนี้เขาจะกล้าย้ายไปที่อื่นได้อย่างไร



-อีกอย่างช่วงนี้ Katze Plains ที่เป็นเนินที่อยู่ใกล้ที่นี่ มีพวก monters เยอะแยะ ไม่ต้องไปล่าไกล
- ไอนซ์หวนคิดถึง Katze Plains กะว่าสักวันจะยึดเป็นของตัวเองด้วย ยิ่งช่วงนี้มีข่าวลือว่าเห็นเรือ แล่นไปตามชายฝั่งแถวๆนั้น ไอนซ์ยิ่งสนใจเข้าไปใหญ่
-Moknak ถามไอนซ์ว่า ในเมื่อมี Death Knightอยู่แล้วทำไมจึงต้องการนักผจญภัยอีก เพราะเทียบกับพวกตน พวกตนมันแค่เพียงเศษธุลีเศษฝุ่นเท่านั้น
-ไอนซ์ตอบว่าตนเองมีชีวิตเป็นอมตะ ต้องการคนเก่งและจริงใจภักดีเหมือน Momonมารับใช้ต่อจากMomon แม้Moknakจะอ้างว่าMomonเทพเกินไปใครจะไปทัดเทียมเขาได้ ซึ่งไอนซ์ก็แย้งว่า ถึงรุ่นเจ้าจะทำไม่ได้แต่รุ่นลูกหรือรุ่นหลานต้องทำได้แน่ๆต้องเป็นแบบ Momonได้แน่ๆ
-Moknakได้ยินแบบนี้เริ่มผ่อนคลายและ มีกำลังใจขึ้นมาหน่อยว่าตนยังมีค่า ลูกหลานของเราต้องเป็นแบบMomonได้แน่ๆ
-Moknakขอตัวขณะที่ไอนซ์ขอเข้าไปพบหัวหน้ากิลลสมาคมนักผจญภัย Pluton Ainzach

ตอนที่4
- ไอนซ์เข้าไปพบกับ หัวหน้ากิลลสมาคมนักผจญภัย Pluton Ainzach ซึ่งตอนเป็นMomonก็เจอมาหลายครั้งแล้ว มีครั้งนึงลากMomonไปตีหม้อด้วย
-หลังจากทักทายก็เรียบร้อยแล้ว ไอนซ์เสนอว่าจตั้งใจจะรวม Adventurer's Guild กับ Sorcerous Kingdom เข้าไว้ด้วยกัน [ปกติประเทศกับสมาคมนักผจญภัยแยกกันเป็นเอกเทศ]
-Ainzach ไม่ปฏิเสธยอมรับแต่โดยดี เนื่องจากไม่มีใครกล้าแย้งไอนซ์ 
-ไอนซ์มองออกที่ Ainzach ไม่ปฏิเสธเพราะว่ามีแผนการอยู่ นั่นคือพยายามส่งนักผจญภัย ไปยังราชอาณาจักร และ จักวรรดิ แทนที่จะให้อยู่กับไอนซ์ที่นี่
-เนื่องจากต้องให้ นักผจญภัยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามระหว่างมนุษย์ด้วยกันและถูกครองงำโดยประเทศใดประเทศนึง นักผจญภัยสมควรมีอิสระ
-ไอนซ์ไม่โกรธและไม่ลงโทษ Ainzach แต่บอกว่า นักผจญภัยนั้นมีชีวิตอยู่เพื่อปกป้องประชาชนใช่ไหม? แล้วนิยามประชาชนของเจ้าคืออะไร? แค่มนุษย์งั้นหรอ แล้วพวก เอลฟ์ ละพวกลูกครึ่งสายพันธุ์ต่างๆล่ะ? รวมอยู่ด้วยไหม
- ถ้าเป็นงั้น ทำไมยังมีบางประเทศกดขี่ค้าทาสอมนุษย์อย่างพวกเอลฟ์ล่ะ เช่นจักวรรดิ
- Ainzach บอกว่า ถึงแม้จะแยกเป็นเทศแต่โดยรวมก็ยังต้องเชื่อฟังกฏหมายของประเทศนั้นๆที่สังกัดอยู่ดี มันเป็นข้อผูกมัด เพราะสมาคมกิลนักผจญภัยมันก็คือองกรค์ติดอาวุธดีๆนี่เอง ซึ่งมันอันตรายมากๆหากกลุ่มต่อต้านของประเทศนั้นๆหากควบคุมองกรค์นี้ได้
-Ainzach ก็ยังกลัวที่ นักผจญภัยถูกใช้งาน ไปต่อต้านพวกก่อม็อบจลาจลอีกด้วย เพราะจะให้คนจำนวนมากต้องบาดเจ็บล้มตาย
-ไอนซ์เข้าใจความกังวลของ Ainzach เลยอธิบายแผนการให้ฟังว่า ใจจริงที่ให้สมาคมเป็นหน่วยงานของรัฐ เพราะไม่ใช่ว่าจะเอาไปใช้ในทางสงครามหรือต่อต้านประชน ที่จริงคือต้องการให้ออกไปสำรวจโลกกว้างดินแดนๆที่มนุษย์ยังไม่เคยค้นพบมาก่อน
-เช่น แถวๆถิ่นรกร้างทางตอนใต้ของ สเลนและอาณาจักรศักทธิ์ เจ้ามีข้อมูลภูมิประเทศหรือมอนเตอร์มั้ยล่ะ?
-Ainzach ตอบว่าไม่ เพราะส่งคนไปเท่าไรก็ไม่มีใครรอดกลับมาสักราย เรื่องจากเป็นถิ่นของพวก demihuman
-ไอนซ์เลยสวนอีกว่า ไม่รู้สึกละอายใจหรือ ไหนว่าอยู่เพื่อปกป้องประชาชนไง ถ้าแถวๆนั้นมีพวกสมุนไพรที่สามารถช่วยชีวิตประชาชนได้ล่ะ?
-Ainzachพูดไม่ออก ไอนซ์เลยพูดต่อว่า หลังจากรวม Adventurer's Guild เสร็จแล้วจะเติมช่องว่างในแผนที่ให้หมด
- Ainzach แย้งว่าทำไมไม่ส่งลูกน้องไอนซ์ไปแทนล่ะ?
-ไอนซ์บอกว่า เจ้าโง่! นักผจญภัยมีหน้าที่แค่ฆ่ามอนเตอร์อย่างเดียวรึไง นั่นรึนิยามผจญภัย นักผจญภัยคือคนที่ทำสิ่งที่ไม่รู้จักเป็นที่รู้จักต่างหาก!
-Ainzach : แต่เราต้องปกป้องประชาชนนะครับท่าน
-Ainz: ไม่จำเป็น ประชาชนข้าจะดูแลเอง
-ไอนซ์ เลยบอกว่าดังนั้นไม่ต้องห่วงอะไร ออกผจญภัยให้เต็มที่ทั้งเงินทาง สิ่งจำเป็นทั้งหลายทางนี้จะ support ให้อย่าเต็มที่เองอย่าห่วง แม้จะไปมีเรื่องกระทบกระทั่งกับอาณาจักอื่นหรืออาณาจักรใหม่ที่ค้นพบ ทางนี้ก็จะเคลียร์ให้เอง จงออกสำรวจผจญภัยให้เต็มที่
- และไอนซ์เปลี่ยนคำนิยาม ประชาชน ไม่ใช่มีเพียงแค่มนุษย์เท่านั้น แต่นักผจญภัยต้องปกต้อง พวก demihumans และheteromorphs ด้วยเพราะถ้าพวกนี้เคารพนับถือไอนซ์ ก็ถือว่าเป็นประชาชนในประเทศนี้เช่นกัน ถ้ามีอะไร พวกนักผจญภัยต้องปกป้องพวกเขาด้วยเช่นกัน
- Ainzach ไม่ยอม จะให้มาอยู่ร่วมและปกป้อง พวกที่เห็นเราเป็นอาหารได้ยังไง
-ไอนซ์บอก เดี๋ยวออกฏหมายเองส่วนเรื่อง ร้านขายเนื้อ นี่เดี๋ยวจะเอาเข้าที่ประชุม [เห็นโทรลเปิดร้านเนื้อมนุษย์มันดูสยองๆแฮะ]
-แต่ไอนซ์คิดว่า ทีคาร์เน่ยังอยู่ร่วมกันได้ คน ออร์ค กอบลิน ดังนั้นไม่น่ามีปัญหา
-Ainzach นึกว่าให้อยู่ร่วมกันคือหมายถึงเป็นทาส?
-ไอนซ์ ไม่! ทุกเผ่าพันธุ์ต้องเท่าเทียมหัน
- ไอนซ์ เอาล่ะสรุป Guild Adventurer กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Sorcerous Kingdom แล้วสินะ
-Ainzach ตามรับสั่งของฝ่าบาท
-ไอนซ์ บอกว่าเดี๋ยวจะสร้างศูนย์ฝึกอบรมนักผจญภัย ลเพื่อลดความสูญเสียเมื่อไปเจอสิ่งที่ไม่รู้จักในดินแดนใหม่ เป็นลักษณะเขาวงกต แล้วจะใช้ POP ของนาซาริกเป็นคู่ฝึกซ้อมให้
- แต่ยังติดปัญหาเรื่องดึงดูดนักผจญภัยระดับสูงๆของประเทศอื่นเข้ามา เพราะพวกนั้นคือไพ่ตาย และประเทศนั้นย่อมไม่รู้สึกยินดีแน่ๆถ้าไพ่ตายเขาจะมาที่นี่ Ainzach ขอคิดวิธีแก้ไขปัญหานี้อีกหน่อย
-ไอนซ์ บอกลาขอตัวกลับก่อน จบเรื่องแล้ว 
-ขณที่ไอนซ์เดินออกมานอกสมาคมระยะนึง ก็คิดในใจ "Ahhhh ~ ตูชนะแล้วว ..." Suzuki Satoru จวนจะร้องไห้อยู่ละเพราะสมองเขา overheatไปหมดตอนนี้ สำหรับการเจรจาเมื่อสักครู่
-"ก่อนจะไปปรึกษาอัลเบโด้เรื่องรวมสมาคมนักผจญภัย ขอพักสักหน่อยเถอะ ไหนจะต้องโน้มน้าวให้อัลเบโด้เห็นดีเห็นงามด้วยกับแผนนี้อีก"
-ไอนซ์ตัดสินใจเดินกลับที่พัก แทนที่จะเทเลพอร์ต เพราะอาจได้ไอเดียดีๆระหว่างเดินกลับ

********
-หลังจากที่ไอนซ์ออกไปแล้ว ได้มีชายร่างผอมคนหนึ่งออกมาจากประตูของห้องถัดไป เขาคือ อดีตหัวหน้าสมาคมนักเวทย์ Theo Rakesheer นั่นเอง
- สองคนนี้มาประชุมกันทุกเช้าเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ระหว่างที่สองคนนึ้กำลังคุยกันไอนซ์มาขัดจังหวะซะงั้น Theo Rakesheer เลยไปแอบอยุ่ห้องข้าง
-เรื่องที่สองคนนี้คุยกันคือ Theo Rakesheerได้โยกคนและไอเท็มเวทย์หมดหลบออกนอกประเทศหมดแล้ว แต่ยังกังวัลว่า ถ้าไอนซ์ส่งหมาล่าเนื้อตามไป พวกนั้นจะหนีทันมั้ย หรือไอนซ์บังคับให้ ราชอาณาจักรหรือจักวรรดิส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจะทำยังไง
-และเรื่องของศาสนจักรที่ยังเงียบอยู่ไม่ยอมเคลื่อนไหว มันจะเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะเกิด สงครามศักสิทธิ์ขึ้น เมื่อศาสนจักรอาจจะตัดสินใจยกทัพมาบุกเพราะพวกนี้เป็นศัตรูโดยธรรมชาติกับundeadอยู่แล้ว และMomonจะฆ่าคนในประเทศตัวเองแล้วจะเจ็บปวดแค่ไหนกัน



-พอไอนซ์มาเรื่องพวกนี้เลยต้องพักเอาก่อน
- Ainzach บอกกับ Rakesheer ว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ไอนซ์เสนอมา เห็นด้วย 
- Rakesheer แย้งว่า แม้ว่าจะทำการรุกรานประเทศอื่นๆน่ะหรอ?
-Ainzach บอกเรื่องปกตินิ ที่คนเข้มแข็งกว่าที่จะสยบคนที่อ่อนแอกว่า ปลาใหญ่กินปลาเล็ก
- Rakesheer เริ่มสงสัยทำไมเพื่อนเขาเห็นดีเห็นงามไปหมด โดนเวทย์สเน่ห์หรือปล่าวเนี่ย
- Ainzach บอกว่าไม่ใช่หรอก ลองคิดดูตั้งแต่เมืองนี้โดนครอบครองโดย ฝ่าบาท ก็ไม่มีใครแย่ลง สถานณ์การก็ไม่ได้เลวร้าย แต่กลับดูเหมือนเริ่มจะดีขึ้นด้วยซ้ำ
- Ainzach ยังบอกต่อว่าฝ่าบาททรงเปิด วิสัยทัศน์ใหม่ๆของนักผจญภัย ในอดีตเคยมีคนไปดินแดนใหม่ๆแต่โอกาสรอดกลับมาน้อยมาก แต่ตอนนี้ฝ่าบาทรงสนับสนุนเต็มที่ มันคือการเปิดกว้างความเป็นไปได้ให้กับนักผจญภัยทั้งหลาย
- เราอาจจะกลายเป็นนักผจญภัยที่แท้จริงก็ได้
-Rakesheer เริ่มเห็นด้วยพร้อมแซว ให้Ainzachไปบอกไอนซ์ ไม่ให้ใส่ข้อจำกัดด้านอายุ แล้วออกไปผจญภัยดินแดนด้วยกันเถอะ
และในห้องก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของคุณลุงทั้งสอง

จบ Chapter 1 
มีประโยคทั้งหมด 1000ประโยค ย่อสปอยด์มาให้อ่านกันแค่นี้หวังว่าจะอ่านรู้เรื่องกันนะครับ ^^"




14 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณครับผม หนังสือผมก็อุดหนุนมากองไว้ไม่กล้าแกะอ่านเลยกลัวยับฮ่าๆ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ครับผมเดียวจะพยายามหาอะไรแบบนี้มาให้อ่านบ่อยๆนะครับ ขอบคุณที่สนับสนุน

      ลบ
  2. ขอบคุณมากๆเลยค่ะ อยากอ่านเล่ม10แล้ว
    ได้แต่รอต่อไป~~~~

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณมากเลยครับ รอติดตามอยุ่นะครับ

    ตอบลบ
  4. สู้ๆครับรออ่านอยู่^^

    ตอบลบ
  5. สนุกมากครับ รอติดตามอยู่นะครับ

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณคับที่พิมพ์ให้อ่าน

    ตอบลบ
  7. ยังรอตอนต่อไปเหมือนเดิม

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. กำลัฃคิดอยู่ครับว่สควรต่อดีมั้ยเพราะคนส่วนใหญ่น่าจะไปหาอ่านเองกันแล้วคับ

      ลบ
  8. ขอบคุณ ^^
    สำหรับการแปลนะคับ

    ตอบลบ
  9. 5556คนแปลตลกวะฮึๆ12มาวันไหนนิ

    ตอบลบ