Overlord Vol.7 Ch.1 P.1
พาท 1เมืองหลวงของจักรวรรดิบาฮารุธ อาวินตาตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจักรวรรดิ พระราชวังอิมพีเรียล ที่พำนักของกษัตริย์ที่ทรงอำนาจที่สุดที่รู้จักกันในนามจักรพรรดิสีเลือด—จิ คนิฟ รูน ฟาลอด เอล นิค—กำลังยืนดูสิ่งต่างๆอยู่ภายในพระราชวัง รอบๆพระราชวังนั้นรายล้อมไปด้วยตึกต่างๆมากมาย โรงเรียนเวทย์มนต์ ที่ทำการต่างๆและสิ่งอำนวยความสะดวกที่สำคัญกระจัดกระจายไปทั่วจากใจกลาง เมือง
แม้ว่าจำนวนประชากรจะมีน้อยกว่าเมืองหลวงของอาณาจักรรีเอสไทซ์ แต่ถ้าเทียบเรื่องความกว้างใหญ่แล้วเมืองหลวงของจักรวรรดินั้นมีขนาดใหญ่ กว่ามาก การปฏิรูปหรือพัฒนาเองทางจักรวรรดิก็ดูจะเหนือกว่าทางด้านของอาณาจักร ตามที่บันทึกไว้จักรวรรดิมีการแนะนำเมืองใหม่ๆให้กับพ่อค้าอยู่ตลอดเวลาซึ่ง จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับพ่อค้าในการหาสินค้าใหม่ๆและสิ่งของต่างๆที่มีคุณภาพ ให้กับทางจักรวรรดิ
เสียงจอแจดังขึ้นตลอดทางที่ไอนซ์และนาเบรัลเดินผ่าน
ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้ไอนซ์อยากจะใช้เวลาบางส่วนของเขาในการ สำรวจสิ่งต่างๆภายในเมืองราวกับเด็กบ้านนอกที่พึ่งเข้ากรุงเป็นครั้งแรก โดยรวมแล้วมีหลายอย่างที่จักรวรรดิและอาณาจักรแตกต่างกัน
อย่างไรก็ตามไอนซ์ไม่ได้มาที่นี่เพื่อชมเมือง
เขามีเป้าหมายที่มายังเมืองนี้ และคิดถึงมันอยู่ตลอดเวลา
มันเป็นความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใจที่ไม่สามารถพูดออกมาได้—
เมื่อไอนซ์คิดถึงสาเหตุที่ทำให้เขามายังจักรวรรดิในครั้งนี้แล้วก็ทำให้เขาถึงกับหน้าบูดเลยทีเดียว มันเป็นแผนการของเดมิเอิร์จ
ที่ต้องมาเป็นแบบนี้เพราะไอนซ์ไม่สามารถหาข้อโต้แย้งกับแผนของเดมิเอิร์จได้
เป้าหมายของแผนการนี้ก็คือ—แสดงความแข็งแกร่งของนาซาริคให้เป็นที่ประจักษ์ แต่ในอีกมุมที่ไอนซ์ไม่ชอบแผนการนี้ก็คือการที่เขาจะต้องมาสาดโคลนใส่สิ่ง ที่เพื่อนๆของเขาร่วมกันสร้างขึ้นมา
แต่หากปฏิเสธข้อเสนอนั้นเพียงเพราะความรู้สึกส่วนตัวมันคงเป็นเรื่องที่น่า อายมาก นอกจากนี้ไอนซ์เองก็ไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าเขานั้นไม่ต้องการรับฟังความคิด เห็นจากคนอื่นด้วย
ถ้าเขาต้องยกเลิกแผนการนี้โดยไม่เสนอทางเลือกอื่นไว้ไอนซ์คงไม่ใช่ผู้ปกครอง สูงสุดอีกต่อไปหากแต่เป็นเพียงสมาชิกที่ต่ำต้อยเท่านั้น แบบนั้นไอนซ์ยอมรับไม่ได้เด็ดขาด
ไอนซ์ได้ทบทวนสิ่งต่างๆอีกครั้ง แล้วเก็บอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่พอใจลงไป ถ้าต้องเลือกระหว่างเหตุผลและความรู้สึก มันคงจะป็นเหตุผลมากกว่า
“ ... มันสายเกินไปแล้วที่จะย้อนกลับ! “
ไอนซ์สูดลมหายใจเข้าออกก่อนจะสลัดความกังวลต่างๆออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงการมีพิรุธของเค้าจากทหารยามและชาวเมืองที่มองมายังเขา
เนื่องจากความสูงและรูปร่างที่น่าเกรงขามไอนซ์ตกเป็นเป้าความสนใจของชาว เมืองมากมาย นี่มันยิ่งกว่าตอนที่เขาเป็นวีรบุรุษช่วยเมืองเสียอีก ไอนซ์เคยถูกผู้คนจ้องแบบนี้มาครั้งนึงแล้วตอนที่เขากำลังขี่อยู่บนหลังของ แฮมสุเกะ
หลังจากสูดลมหายใจเข้าออกอยู่หลายครั้ง ในที่สุดไอนซ์ก็สามารถลดความประหม่าลงได้
“ โทษที ข้าเดินเร็วไปหน่อย “
ย่างก้าวในแต่ละก้าวของนักรบสวมเกราะทั้งตัวกับหญิงสาวที่สวมเพียงเสื้อคลุม ธรรมดานั้นแตกต่างกันมาก ถึงแม้สำหรับนาเบรัลแล้วมันจะไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่ก็ตามแต่ในฐานะของ ผู้ชายแล้วเขาคงต้องคำนึงถึงผู้ร่วมทางของเขาด้วย
“ ไม่หรอกคะ ข้าเองก็ไม่ได้ลำบากอะไร “
“ งั้นหรอ ... “
ไอนซ์ไม่รู้ว่าคำตอบที่เขาได้รับจากข้ารับใช้ของเขานั้นเป็นคำตอบในฐานะของ ข้ารับใช้หรือนาเบรัลไม่เป็นอะไรจริงๆ ระหว่างที่เดินไปอย่างช้าๆ ไอนซ์ก็พยายามคิดหาหัวข้อในการสนทนากับเธอด้วย
ไอนซ์รู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศที่แผ่ออกมาเมื่อครู่ ดังนั้นเขาจีงพยายามลดความอึดอัดนี้โดยการพูดคุยกับนาเบรัล แต่ทว่าเขานั้นกลับคิดหัวข้อในการพูดด้วยไม่ได้เลย
ไอนซ์พยายามหาหัวข้อพูดคุยต่างๆทั้งเรื่องสภาพอากาศ เรื่องกีฬา หรือสิ่งต่างๆที่น่าสนใจ
แต่หากเริ่มคิดมากๆเข้ามันก็ทำให้เขาดูเหมือนกำลังพูดอยู่คนเดียว
ทำไมเราจะต้องมานั่งคิดอะไรแบบนี้ด้วย ? เอาเถอะนี่อาจจะเป็นโอกาศดีที่เราจะฝึกการสื่อสารระหว่างเจ้านายกับข้ารับ ใช้ แบบนี้อาจจะดีต่อหน้าที่ในฐานะของผู้ปกครองของเราก็ได้ ว่าแต่เจ้านายกับลูกน้องเค้าคุยเรื่องอะไรกัน ?
ย้อนกลับไปในสมัยที่ไอนซ์ยังเป็นเพียงพนักงานบริษัท เขาคุยอะไรกับเพื่อนร่วมงานบ้าง ?
ไม่สิตอนนี้เราคือโอเวอร์ลอร์ดของมหาสุสานนาซาริค ไม่ใช่พนักงานบริษัทอีกต่อไป หากเปรียบเทียบกับสิ่งที่เขากำลังทำในตอนนี้ มันเป็นยิ่งกว่าประธานหรือเจ้าของบริษัทเสียอีก
แต่ทว่ามันต่างกันนิดหน่อย ... เช่นเรื่องของการพูดคุย ถ้ามีอะไรที่คล้ายๆกับการสนทนาของพระราชากับทหารรับใช้ละก็มันคงจะดีไม่น้อย
ถึงแม้ว่าในกรณีนี้เราจะผ่านจุดนั้นมาแล้วก็ตาม แต่ถ้ายังคงเป็นแบบนี้ต่อไปมันจะจบลงที่ความอึดอัดของเราทั้งคู่ ดังนั้นไอนซ์จึงยอมเอ่ยปากพูดกับนาเบรัล
“ ... นาเบรัล ... เจ้าคิดว่าเสียงแบบนี้เป็นยังไง ? “
ไอนซ์ชี้ไปที่คอของเขา หรือจุดที่มีเสียงของเขาออกมา
“ ด้วยความจริงใจ ข้าไม่คิดว่ามันฟังดูดีสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่ามันจะฟังดูแปลกๆ แต่ข้าคิดว่าเสียงปกติของท่าน ... โมมอนซังฟังดูดีกว่า ข้าว่าข้าเข้าใจเหตุผลที่ท่านทำเช่นนี้แต่ข้าชอบเสียงแบบเก่าของโมมอนซัง มากกว่า “
“ งั้นหรอ ? ข้าค่อนข้างชอบเสียงแบบนี้ซะด้วยสิ ... นิวโรนิสท์เลือกมันมาจากเชลยที่ถูกจับได้ มันเป็นเสียงที่น่าสนใจทีเดียว “
ตอนที่ไอนซ์ได้ฟังเสียงนี้จากบันทึกเทปในหัวเขาก็เกิดความสงสัยมากมาย
“ ข้าคิดว่าเสียงแบบเก่าของโมมอนซังฟังง่ายกว่า “
“ ข้าดีใจที่ได้ยินแบบนั้นนาเบรัล ข้าเองก็ไม่คิดว่ามันเหมาะกับข้าเช่นกัน ... “
ไม่แน่ใจว่านาเบรัลตอบตามมารยาทหรือเป็นสิ่งที่เธอคิดจริงๆ ไอนซ์จึงจับไปที่ลำคอของเขาอีกครั้ง ในลำคอของเขารู้สึกได้ถึงสิ่งมีชีวิตมากมายกำลังดิ้นยั้วเยี้ยอยู่
ถ้าเป็นคนปกติมันคงจะคันมากแน่ๆ
เกม YGGDRASIL ถูกออกแบบโดยมีเป้าหมายให้ผู้เล่นสนุกกับการค้นหาสิ่งต่างๆที่ไม่รู้จักและพจญภัยอยู่ในโลกที่ลึกลับ
ไม่ใช่แค่ข้อมูลแผนที่ จุดเกิด ดันเจี้ยน มอนสเตอร์ หรืออื่นๆ ... ถูกปกปิดไว้ทั้งหมด มันเป็นโลกที่บังคับให้ผู้เล่นค้นหาสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง แม้ว่าจะมีคนที่จะพยายามขโมยข้อมูลที่อยู่บนเวปแต่ข้อมูลที่ได้มานั้นก็เป็น เพียงข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น YGGDRASIL จึงเป็นเกมที่ถูกออกแบบมาสำหรับผู้เล่นที่ชอบค้นหาสิ่งแปลกใหม่ เหมือนกับการค้นหาขุมสมบัติ
ด้วยเหตุนี้ จึงมีคนพยายามขโมยข้อมูลภายในกิลด์ต่างๆเพื่อขายมันให้กับกิลด์อื่นที่ต้องการ
กิลด์ที่ชื่อว่า “ ทรี เบิร์นนิ่ง อาย “
รูปแบบที่พวกเขาใช้ในการหาข้อมูลก็คือการส่งสปายที่มีความเชี่ยวชาญเข้าไป เป็นสมาชิกของกิลด์ระดับสูงเพื่อที่จะขโมยข้อมูลหรือไอเทมต่างๆ GM ไม่ได้มีบทลงโทษสำหรับเรื่องพวกนี้เพราะพวกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงวิธีการหา ข้อมูลวิธีหนึ่งเท่านั้น
มีเหตุการณ์ที่กิลด์ต่างๆร่วมมือกันโจมตีกิลด์ “ ทรี เบิร์นนิ่ง อาย “ หลังจากเข้ายึดจุดเกิดภายในกิลด์ได้แล้ว พวกเขาก็เริ่ม PK สมาชิกกิลด์ “ ทรี เบิร์นนิ่ง อาย “ พอพวกเขาเกิดก็จะถูก PK อีกซ้ำไปซ้ำมาจนกระทั่งสมาชิกทั้งหมดของกิลด์ “ ทรี เบิร์นนิ่ง อาย “ แตกกระเจิง
ส่วนที่น่าสนใจที่สุดคือพอพวกเขาได้ข้อมูลเหล่านั้นแล้วพวกเขาก็จะเปิดเผยมันให้กับคนอื่น
ในกิลด์ไอนซ์ โอล โกวน นั้นไม่มีสปายอยู่อย่างแน่นอน ... อย่างไรก็ตามหากไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบางที่สมาชิกกิลด์ของพวกเราอาจ จะมีมากกว่านี้ ...
เพราะเกิดเรื่องนี้กำหนดการรับสมาชิกกิลด์เพิ่มจึงถูกระงับไว้ จึงทำให้กิลด์มีสมาชิกเพียง 41 คนเท่านั้น ซึ่งถือเป็นจำนวนที่น้อยมากหากต้องการจะเป็นกิลด์ชั้นนำของเซิฟ
ในช่วงปีสุดท้ายของ YGGDRASIL ข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือถูกปล่อยไปบนเวปต่างๆ มันเป็นช่วงเวลาที่ไอนซ์ให้ความสนใจมากเนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่กิลด์ “ ไอนซ์ โอล โกวน “ อยู่ในช่วงที่พีคที่สุด
ความรู้ภายในเกมส่วนใหญ่ของไอนซ์นั้นอยู่ในระดับสูงสุดแล้วในเวลานั้น ... แม้ว่าเขาจะอยากซื้อข้อมูลที่ทำขึ้นโดย GM ก็ตาม ... ที่โลกนี้เองก็อาจจะมีผู้เล่นคนอื่นๆนอกจากตัวเขาอีกดังนั้นเขาควรจะคำนึก ถึงความเสี่ยงที่ข้อมูลของเขาอาจจะหลุดไปให้คนอื่นได้
หลังการเข้าจับกุมกลุ่มเอท ฟิงเกอ นาซาริคก็ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์มากมาย อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ได้มานั้นมีเพียงข้อมูลของอาณาจักรและจักรวรรดิเท่า นั้น ส่วนข้อมูลของสาธารณะรัฐเทพสเลน อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์และสาธารณรัฐ ยังคงต้องเก็บรวบร่วมข้อมูลต่อไป
เพื่อที่จะหาหัวข้อการสนทนาใหม่ ไอนซ์จึงเริ่มมองหาสิ่งแปลกๆอีกครั้ง
“ จะว่าไปจักรวรรดิเองก็น่าอยู่เหมือนกันนะ “
“ อย่างนั้นหรอคะ ? ข้าคิดว่ามันไม่ต่างจากเมืองเอเรนเทลสักเท่าไหร่ “
นั้นเป็นคำตอบของนาเบรัล
“ ถนนหนทางล้วนแต่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตมากมาย แววตาที่ผู้คนมองมาแสดงให้ข้าเห็นถึงการมีความสุขของพวกเขา “
ถึงแม้นาเบรัลจะตอบว่า “ เป็นอย่างที่โมมอนซังพูดคะ “ แต่ไอนซ์ก็ไม่ค่อยมั่นใจในสิ่งที่เขาเห็นเช่นกัน
ไม่คิดเลยว่าเราจะพูดแบบแพนโดร่า แอคเตอร์ ... “ มันกำลังบ่งบอกบางสิ่งบางอย่าง “ ว่าต้องคิดก่อนที่จะพูดอะไรออกไป ... รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพวกนักกวีหรืออะไรทำนองนั้นเลยแหะ
เพราะต้องคอยพูดแบบฮีโร่อยู่ตลอดเวลาหลังจากที่กลับจากเมืองหลวง มันเป็นความเคยชินจนทำให้ไอนซ์ติดเป็นนิสัย
ใบหน้าของไอนซ์ใต้หมวกนั้นแสดงถึงความไม่ค่อยสบายใจออกมา—แน่นอนมันเป็นไป ไม่ได้ที่กระโหลกจะแสดงใบหน้าแบบนั้น—หลังจากที่เห็นโรงแรมที่มีลักษณะตาม ที่ฟลูเดอร์อธิบาย
ถึงแม้จะไกลแต่บอกได้เลยว่ามันเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองหลวงของ จักรวรรดิแต่ว่า ... เมื่อเทียบกันแล้วยังห่างไกลจากความหรูหราของโรงแรมที่เมืองเอเรนเทลนัก ทางเดียวที่จะบอกว่ามันดีหรือไม่ก็คงต้องดูที่ความประทับใจของระดับความ สะดวกสบายละนะ ถ้าเป็นเรื่องโรงแรมระดับสูงแล้วทางอาณาจักรมีประวัติความเป็นมาที่ ยาวนานกว่าจักรวรรดิกลับกันจักรวรรดิพึ่งจะมีโรงแรมหรูแบบนี้ไม่นานนัก ถ้าต้องเลือกว่าที่ไหนดีกว่า มันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนล่ะนะว่าจะชอบแบบไหน
“ ถึงจะไม่ค่อยแน่ใจแต่คิดว่าน่าจะเป็นที่นี่ละ “
ไอนซ์สัมผัสไปที่แผ่นอดามันไทท์ที่ห้อยอยู่บนหน้าอกของเขาบาๆและก้าวตรงไปยังทางเข้า
คล้ายกับที่เมืองเอเรนเทลทหารที่ล่ำสันในชุดเกราะหนังยืนเฝ้ายามอยู่ที่ทาง เข้าและออก พอไอนซ์และนาเบรัลมาถึง ทหารยามก็หันมามองแต่หลังจากที่เห็นของบางอย่างพวกเขาก็ถึงกับตาโต
“ ต ตัวจริงหรอ ? ชั้นคิดว่าใช่นะ ดูจากชุดที่พวกเขาใส่แล้ว ... “
ได้ยินเสียงกระซิบมาจากเพื่อนข้างๆ ยามคนอื่นๆก็พยายามยืนให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้และซ่อนความกลัวเอาไว้ พอไอนซ์เดินเข้ามาใกล้ พวกเขาก็แสดงอาการกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่กระนั้นเขาก็สามารถควบคุมความกลัวและพูดได้ตามปกติ
“ ยกโทษให้ข้าด้วยท่านนักพจญภัย ข้าต้องขอโทษจริงๆสำหรับความไม่สะดวก แต่ข้าขอตรวจบัตรประจำตัวของท่านได้หรือเปล่า ? “
ไอนซ์ส่งป้ายอดามันไทท์ที่แขวนอยู่ให้ยามและถามว่า “ โรงแรมนี้รับแต่สมาชิกเท่านั้นหรอ ? “
“ ครับ เพื่อที่จะรักษาชื่อเสียงของโรงแรมนี้ไว้ พวกเราจะรับแต่สมาชิกประจำเท่านั้น แต่นักพจญภัยระดับอดามันไทท์เป็นข้อยกเว้น “
ยามคนที่พูดถูมือทั้งสองข้างไปมา ส่วนยามคนอื่นๆก็กำลังตรวจดูแผ่นป้ายที่ไอนซ์ยื่นให้อย่างละเอียด เหมือนกับว่าพวกเขาจะกลัวมันแตกจึงค่อยๆกลับด้านมันและอ่านข้อความที่สลัก ไว้ด้านหลัง
“ ดาร์คเนส ... ท่านโมมอน ? “
“ ใช่แล้ว “
“ การตรวจสอบเสร็จแล้วครับ ! ขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ “
เขารับป้ายกลับมาอย่างระมัดระวัง แผ่นป้ายนั้นถูกใช้เพื่อพิสูจน์สถานะของนักพจญภัยมันถูกสร้างมาจากชนิดของ เหล็กที่มีลักษณะเดียวกับระดับของนักพจญภัย ถึงแม้ว่ามันจะมีขนาดเล็กแต่ราคาที่ใช้ทำแผ่นป้ายอดามันไทท์นั้นไม่เล็กเลย แม้ว่ามันจะแตกยากแต่ก็อาจจะมีเหตุบังเอิญที่จะทำให้มันเสียหายจากเรื่องนี้ ได้ สำหรับคนอย่างยามเฝ้าทางเข้าโรงแรมคิดว่าน่าจะมีค่าชดเชยให้ในกรณีที่มัน เสียหาย ยามเคยได้ยินเรื่องเล่าของแผ่นป้ายอดามันไทท์ที่เสียหายก่อนที่จะถูกส่งคืน ให้เจ้าของ เครน แพรอท ( Crane Parrot )—เป็นนกชนิดหนึ่ง—มันบินมาจากบนฟ้าและฉกมันไป เรื่องนี้ถูกปิดเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ แต่มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น
ทั้งคู่ดูโล่งใจอย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่มองไอนซ์รับเอาแผ่นป้ายอดามันไทท์กลับไป
“ แล้วพวกเราเข้าไปได้หรือยัง ? “
“ ครับ ท่านโมมอน ผมจะนำทางให้เอง “
“ งั้นหรอ ? รบกวนด้วย “
เรื่องแบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นที่อาณาจักร
ไอนซ์เดินผ่านล็อบบี้ที่ปูพื้นด้วยหินอ่อน พวกเขาเดินมายังเคาน์เตอร์ต้อนรับ
“ ประกาศการมาของนักพจญภัยระดับอดามันไทท์ท่านโมมอนและสหาย “
ชายที่นั่งอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ลุกขึ้นหลังจากที่เห็นยามมองไปยังไอนซ์และก้มหัวให้อย่างสุภาพก่อนที่จะกลับไปประจำตำแหน่ง
“ ยินดีต้อนรับครับ ท่านโมมอน เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านเลือกโรงแรมของพวกเราในระหว่างที่มาทำธุระที่จักรวรรดิ “
พนักงานต้อนรับทำความเคารพให้ไอนซ์
“ ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก ข้าแค่จะพักแค่คืนเดียวเท่านั้น “
“ ทราบแล้วครับ ถ้างั้นช่วยเซนต์ชื่อลงที่ช่องรับแขกด้วย “
ไอนซ์ยิ้มใต้หมวกของเขา เขาฝึกเขียนชื่อโดยใช้ภาษาของอาณาจักรอยู่หลายครั้ง เขาเซนต์ชื่อลงในกระดาษหลังจากหยิบปากกาขึ้นมา
“ ขอบพระคุณมากครับ แล้วท่านต้องการจะเปิดห้องแบบไหน ? “
สำหรับไอนซ์แล้วไม่ว่าห้องแบบไหนก็ไม่ต่างกันไม่ว่ามันจะถูกหรือแพงไอนซ์ก็ ไม่ได้ใช้มันอยู่ดีแต่ว่าเขาจำเป็นจะต้องรักษาภาพลักษณ์ของโมมอนเอาไว้
มันไม่เหมือนกับเขาที่ไม่จำเป็นต้องกินอาหาร แม้ว่าที่พักจะไม่ได้รวมค่าอาหารด้วยเขาก็ยังโอเคอยู่ดี
อาหารที่โลกนี้เป็นสิ่งจำเป็น
น้ำผลไม้ที่มีสีเขียวนั้นมีกลิ่นที่หอมหวานน่าอร่อยมาก ส่วนอาหารที่มีสีชมพูนั้นดูเหมือนจะเป็นเนื้อที่ราดหน้าด้วยซอสพิเศษอย่าง บรรจง ทุกๆเมนูที่พูดถึงนั้นกระตุ้นความอยากรู้ของไอนซ์มากแต่น่าเสียดายที่เขาไม่ สามารถกินพวกมันได้
... ความใคร่ ความอยากอาหาร และความต้องการที่จะนอน แม้ว่ามันจะมีประโยชน์อย่างมหาศาลกับร่างกายของอันเดดแต่ก็ต้องแลกมากด้วย สิ่งสิ่งต่างๆที่สำคัญ แต่ในทางกลับกันก็มีความเป็นไปได้ที่อารมณ์ทั้งหมดนั้นจะถูกระเบิดออกมาหาก เขากลับไปมีเนื้อหนังอีกครั้ง
เมื่อนึกภาพตอนที่เขาอยู่บนเตียงกับอัลเบโด้แล้ว ... ไอนซ์ก็เอียงคอสงสัย
เจ้านายที่คอยลวนลามพนักงานสาว—นั้นเป็นภาพที่อยู่ในหัวของไอนซ์หลังจากนึกเรื่องของอัลเบโด้
แม้ว่าอัลเบโด้จะประกาศว่าเธอรักเขา ... อ้ามันช่างซับซ้อนยิ่งนักถ้าเขาไม่ยุ่งกับ ... โอ้!
“ ขอโทษที่ให้คอยครับ ทางเราจะจัดเตรียมห้องตามที่ขอ ... แต่ ... จะเป็นอะไรไหมครับหากท่านจะจ่ายด้วยเงินของจักรวรรดิ ? “
“ ถ้าไม่สะดวกทางเรายินดีให้จ่ายแบบเทียบค่าเงินได้ด้วย “
“ งั้นหรือ ? ถ้างั้นชั้นจ่ายให้เลยแล้วกัน “
“ ถ้างั้นผมขออนุญาตไปเตรียมห้องที่เหมาะสมกับท่านโมมอนก่อนนะครับ ในระหว่างนั้นเชิญพักผ่อนที่เลานจ์ ( Lounge ) ของพวกเราก่อน “
ไอนซ์เห็นพนักงานกำลังจัดเตรียมเก้าอี้พิเศษแยกออกมาจากเลานจ์ มีเก้าอี้หรูมากกว่า 50 ตัวที่อยู่บริเวณที่พักแต่ละตัวดูนุ่มและน่านั่งมาก แถมยังมีนักร้องค่อยร้องเพลงอยู่ด้านหลังอีกต่างหาก
“ ทุกๆอย่างที่เลานจ์ ทั้งอาหารและเครื่องดื่มนั้นบริการฟรี เชิญท่านพักผ่อนและสนุกกับอาหารให้เต็มที่เลย “
แต่ก็มีบางอย่างที่ต้องจ่ายเงินอยู่
“ เข้าใจแล้ว ไปกันเถอะ นาเบะ “
ไอนซ์เดินไปที่เลานจ์กับนาเบรัลและเลือกที่นั่งที่ใกล้ที่สุด
มีแขกอยู่ไม่ที่คนเท่านั้นที่พักอยู่ที่เลานจ์ ส่วนมากเป็นนักพจญภัย ถ้าเป็นนักพจญภัยระดับสูงแล้วคงจะสามารถหาเงินที่ได้มาพักที่โรงแรมนี้ได้
ไม่สนว่าพวกเขาจะเป็นใครขอแค่พวกเขามีเงินจ่ายก็พอ
ไอนซ์มั่นใจว่าป้ายอดามันไทท์ที่คอเขาจะต้องเป็นหัวข้อในการพูดคุยของแขกในโรงแรมแน่ๆ
ระหว่างที่ไอนซ์เปิดดูเมนู
อ่านไม่ออก ...
ไอนซ์ค่อยๆเปิดดูเมนูช้าๆ ถึงเขาจะอ่านมันไม่ออกแต่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นสงสัย
ถึงแม้ไอนซ์จะเอาไอเทมที่ให้เซบาสใช้ในการอ่านหนังสือมาด้วยแต่ในสถานการณ์แบบนี้จะเอามันออกมาก็ยังไงอยู่
“ เซบาส ... กับซัวเร่ .. “
ไอนซ์นึกภาพเซบาสกับซัวเร่ไว้ในหัวระหว่างที่คิดว่าจะเอามันออกมาใช้หรือไม่ใช้ดี
“ ผู้หญิงคนนั้นทำไมหรอคะ ? “
“ อ่อ เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่กังวลเรื่องการปรับตัวของเธอนะ “
ถึงแม้เซบาสจะเป็นคนดูแลเธอแต่เขาก็ยังคงมีหนี้ที่ต้องชดใช้ให้ซัวเร่โดยสัญญาว่าจะปกป้องเธออยู่ดี
“ ดิชั้นไม่คิดว่านั้นจะเป็นปัญหานะคะ เพราะเธออยู่ภายใต้การดูแลของหัวหน้าเมด ท่านเซบาสเองก็คงจะสอนทักษะที่จำเป็นของเมดให้กับเธออยู่แล้ว หลังจากที่เธอเรียนรู้เรื่องมารยาทแล้วเธอก็จะถูกส่งไปเรียนทำอาหารและงาน บ้านอื่นๆคะ พวกเราคิดว่าจะให้เธอเรียนทุกอย่างจนกว่าจะเจองานที่เธอถนัดที่สุด “
“ งั้นหรอ ? ให้เซบาสเป็นคนดูแลเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วสินะ “
นาเบรัลก้มหัวลงหลังจากที่พูดเสร็จ
เมื่อเห็นไอนซ์และนาเบรัลพูดคุยกันเสร็จ พนักงานเสิร์ฟก็เข้ามา
“ จะรับอะไรดีครับ ? “
“ ชั้นเอาไอซ์มาคีเทีย เจ้าละนาเบะ ? “
“ ชั้นก็เอาแบบเดียวกันคะ “
“ รับอย่างอื่นอีกไหมครับ “
“ ไม่ละ แค่เครื่องดื่มก็พอ โอ้ จริงสิ ข้าอยากให้ใส่นมลงในแก้วของข้าด้วย “
“ ทราบแล้วครับ “
หลังจากที่รับออร์เดอร์พนักงานก็ก้มศีรษะก่อนจะออกไป
มาคีเทียเป็นเครื่องดื่มที่คล้ายกับลาเต้ ไอนซ์เคยเห็นมันที่เอเรนเทล มันมีกลิ่นที่หอมมาก แต่เขาไม่สามารถกินอะไรได้ ก่อนหน้านี้เขาเคยทดลองกินอาหารต่างๆแต่ผลที่ได้ก็คืออาหารที่เขากินเข้าไป ไหลออกมาจากแก้มของเขาโดยไม่สามารถรับรู้ถึงรสชาติของมันด้วยซ้ำ
เหตุผลที่ไอนซ์เลือกมาคีเทียก็เพราะมันเป็นเครื่องดื่มที่ใช้บริการคนชั้นสูง มันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
พอเครื่องดื่มนำมาเสิร์ฟไอนซ์ก็ถามคำถามที่ไร้สาระที่สุดออกไป
“ นาเบะ ... รสชาติมันเป็นยังไงบ้าง ? “
พอนาเบรัลดื่มมัน ไอนซ์ก็ถามขึ้นมา
นาเบรัลทำท่าครุ่นคิดก่อน มันเป็นท่าท่างของคนที่ไม่เคยรู้รสชาติของกาแฟมาก่อนในชีวิต
“ อืมมม ... ถ้าจะให้ข้าอธิบายละก็มันมีรสชาติเหมือนเชเคราโต้ ( Shakerato ) นอกจากนี้ยังรู้สึกถึงนมที่อยู่ในลำคอด้วย “
“ ... งั้นหรอ ? ฟังดูน่าอร่อยนะ “
ไม่เห็นจะเคยได้ยินเครื่องดื่มที่ชื่อเชเคราโต้เลย บางทีอาจจะเป็นเครื่องดื่มที่มีในโลกนี้ ? มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นแบบนั้น
“ ก็พอดื่มได้อยู่คะ “ นาเบรัลตอบ
“ ไม่ต้องสนใจข้าหรอกดื่มมันเถอะ เดี๋ยวมันจะผิดสังเกตเอา “
ด้วยความเคยชินกับการใส่หมวกอยู่ตลอดเวลาทำให้มันดูเป็นเรื่องปกติแม้ว่าไอนซ์จะไม่ได้ถอดหมวกออกตอนที่มีเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ
“ ขอบพระคุณคะ “
“ จะดีกว่านี้ถ้าเจ้าดื่มเครื่องดื่มของข้าด้วย แล้วก็แผนขั้นแรกของเราก็คือการสำรวจเมืองหลวงในอีกสองวันข้างหน้า ข้าได้ยินว่ามีการขายแมจิคไอเทมที่ตลาดและกิลด์นักพจญภัย มันมีค่าพอที่เราจะไปดู “
ข้อมูลนี้ได้มาจากเชลยที่ถูกจับได้ของ “ เอท ฟิงเกอร์ “ รายงานที่ได้รับส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับตลาดมืด ไอนซ์ยังไม่มีแผนที่จะไปหาพวกนั้น
“ วันที่สามเราจะไปที่กิลด์นักพจญภัย ถ้าเป็นไปได้ข้าอยากจะสร้างความสัมพันธ์กับนักพจญภัยระดับอดามันไทท์ของ จักรวรรดิด้วย แต่ถ้าไม่เราจะทำให้พวกนั้นกลับบ้านเก่า ( ผู้แปล / ศพนักพจญภัยระดับอดามันไทท์จะได้อันเดดเวลไรหว่า ) ทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณเจ็ดวัน เจ้ามีอะไรจะเสนอไหม ? “
เธอส่ายหน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น