Overlord Vol.7 Ch.3 Part2
“เริ่มโจมตีอีกครั้ง”
เสียงตะโกนของกรีนแฮมดังไปทั่วสุสานที่เต็มไปด้วยกลิ่นของดินและความตาย
ห้องนั้นกว้างประมาณยี่สิบเมตรและสูงประมาณห้าเมตร ท่ามกลางห้องที่อาบไปด้วยแสงที่ทำขึ้นจากนักเวทและคบไฟซึ่งหล่นอยู่ที่พื้น ปรากฏเงาของมนุษย์จำนวนหนึ่ง
ที่อยู่กับกรีนแฮมคือเฮฟวี่ แมชเชอร์ที่ถูกต้อนจนมุม ด้านในห้องนั้นเต็มไปด้วยอันเดทระดับต่ำเช่นซอมบี้(zombies)และสเกเลตั้น(Skeleton)
จำนวนของพวกมันนั้นมหาศาล
กรีนแฮมและนักรบถือโลห์เพื่อยันคลื่นอันเดทจากการโถมเข้าไปหาด้านหลังของรูปขบวน
เหล่าซอมบี้เหวี่ยงแขนของพวกมันใส่ชุดเกราะฟูลเพลท(Full Plate)ของกรีนแฮม ถึงแม้ว่าอันเดทจะแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ธรรมดา แต่พวกมันก็ไม่สามารถทำลายชุดเกราะเหล็กกล้าได้ มือที่เน่าเปื่อยแตกออกและกลิ่นที่เน่าเหม็นของเนื้อติดอยู่ที่ชุดเกราะ
พวกสเกเลตั้น(Skeleton)ก็เช่นกัน ด้วยอาวุธที่เก่าและผุผัง พวกมันไม่สามารถที่จะเจาะผ่านชุดเกราะฟูลเพลทที่อาบด้วยเวทมนตร์ได้ ถึงแม้จะมีบางอันที่โชคดีเจาะผ่านเกราะไปได้ แต่นั่นคือสาเหตุที่ทำไมชุดเกราะถูกอาบด้วยเวทมนตร์
กรีนแฮมฟาดขวานเป็นแนวนอนและกำจัดไปหนึ่งตัว แต่อีกมากมายก็เติมเต็มช่องว่างในทันที ฝูงสัตว์ประหลาดย่นระยะเข้ามาเรื่อยๆราวกับจะเหยียบย่ำพวกเขาด้วยจำนวนอันมากมาย
“บ้าเอ๊ย พวกมันมีมากเกินไป”
นักรบที่ถือโลห์อยู่ข้างๆกรีนแฮมตะโกนอย่างลำบาก เนื่องจากโลห์ขนาดใหญ่ของเขาที่สามารถปิดตัวเขาได้ทั้งตัวเขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ตัวโลห์นั้นถูกปกคลุมด้วยของเหลวนาๆชนิด เขาทุบหัวของสเกเลตั้น(Skeleton)ด้วยคฑาของเขา แต่เขาก็ถูกดันถอยหลังอย่างช้าๆ
“พวกมันมาจากไหนกัน”
ความสงสัยของนักรบนั้นเป็นเรื่องธรรมดา
ทีมของกรีนแฮมค้นห้องจำนวนหนึ่งหลังจากแยกทางกับทีมอื่นที่ทางแยก โชคไม่ค่อยเข้าข้างที่ไม่ค่อยมีสมบัติมากนักในตัวสุสานหลัก แต่หลังจากที่ค้นพบสิ่งมีค่าบ้างในบริเวณรอบๆ พวกเขาจึงค่อยขยายวงค้นหาออกไป ตอนที่พวกเขามาถึงห้องนี้เพื่อสำรวจ ประตูก็เปิดออกกะทันหันและพวกอันเดทก็โถมเข้ามาทันที
ซอมบี้หรือสเกเลตั้นนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ยากแต่จำนวนของมันต่างหากที่เป็นปัญหา ถึงแม้พวกมันจะล้มลงหรือถูกเหยียบย่ำพวกมันก็ไม่ตาย แต่พวกมันนั้นจะฝ่าไปถึงแนวหลังได้ แน่นอนว่าแนวหลังก็ไม่มีทางถูกจัดการง่ายๆเช่นกัน แต่การเจอกับปริมาณขนาดนี้ มันก็พูดยากเช่นกัน
ด้วยโชคร้ายเพียงนิดเดียว แนวหน้าก็จะพังทลายทันที กรีนแฮมคิดเช่นนั้นและตัดสินใช้ใช่พลังที่เขาพยายามสงวนไว้
“เราจะจัดการพวกมันรวดเดียว ฝากด้วยนะ”
แนวหลังซึ่งนิ่งราวกับก้อนหินเริ่มขยับ
สำหรับเฮฟวี่ แมชเชอร์ของกรีนแฮม อันเดทแบบนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย แต่เพราะมันไม่ใช่ปัญหาหลัก เขาถึงพยายามเก็บแรงโดยการเก็บแนวหลังไว้ ถ้าแนวหลังร่วมโจมตีด้วยแล้ว พวกอันเดทก็ไม่ใช่ปัญหาแม้แต่น้อย
“ข้าแต่พระองค์ พระเจ้าแห่งผืนพิภพ โปรดขจัดเหล่าปีศาจร้าย”
เคลริกซึ่งถือสัญลักษณ์อันศักดิ์สิทธ์ตะโกนพร้อมพลังศักดิ์สิทธ์ที่หลั่งไหลออกมา บรรยากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความมืดถูกปัดเป่าและแทนที่ด้วยความสดชื่นราวกับลมเย็นได้พัดผ่าน คลื่นพลังศักด์สิทธ์ที่แข็งแกร่งกว่าปกติได้แพร่กระจายออกจากเคลริก
ทันทีที่ความสามารถถูกใช้งาน เหล่าอันเดทรอบๆก็กลายเป็นขี้เถ้าทันที
มนต์ปราบผีนั้นปกติถ้าใช้กับอันเดทจะทำให้พวกมันแค่หนีไป แต่ถ้าพลังแตกต่างกันมากก็จะเป็นการทำลายล้างแทน อย่างไรก็ตาม มันเป็นการยากมากที่จะทำลายล้างอันเดทจำนวนมหาศาลเพราะมันต้องใช้พลังที่มากพอๆกัน
ผลลัพธ์ที่ได้ คืออันเดทกว่ายี่สิบตัวถูกกำจัด
“บินไปเลย ไฟล์บอล(Fireball)”
ไฟร์บอลพุ่งออกจากนักเวทและระเบิดออกท่ามกลางฝูงอันเดท เสาที่ก่อขึ้นจากเปลวเพลิงปรากฏขึ้นชั่วขณะและเผาผลาญเหล่าอันเดทที่อยู่ในรัศมี
“ยังไม่จบหรอก ไฟร์บอล”
“ข้าแต่พระองค์ พระเจ้าแห่งผืนพิภพ โปรดขจัดเหล่าปีศาจร้าย”
การโจมตีที่แสดงผลเป็นพื้นที่(Area of Effect)ถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้งและจำนวนของอันเดทก็ลดลงไปอย่างรวดเร็ว
“ไปกันเลย”
“โอ้”
นักรบได้ทิ้งโลห์ของเขาแล้วหยิบคฑา(Mace)สองอันขึ้นมาและกระโจนเข้าไปในฝูงอันเดทพร้อมกับกรีนแฮม มันง่ายมากถ้าจะปล่อยทุกอย่างเป็นหน้าที่ของนักเวท แต่สาเหตุที่กรีนแฮมพุ่งเข้าไปเพราะเขาอยากสงวนแรงไว้ให้มากที่สุดโดยเฉพาะเคลริก ผู้ที่สามารถกำจัดอันเดทได้จำกัดจำนวนครั้งในหนึ่งวัน เพราะมันเป็นอาชีพที่มีค่าเมื่อสู้กับอันเดท เขาจึงพยายามเก็บไพ่ตายไว้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในสุสาน
กรีนแฮมฟาดขวานของเขาใส่ฝูงซอมบี้ แทนที่จะเป็นเลือด ของเหลวข้นๆไหลออกมาจากรอยตัด มันคงจะพุ่งออกมาถ้าพวกมันมีหัวใจ สิ่งที่ตามออกมาอีกคือกลิ่นอันสะอิดสะเอียน แต่ไม่ใช่อะไรที่พวกเขาเอาไม่อยู่
จะให้พูดคือ จมูกของพวกเขานั้นทื่อไปแล้ว
พร้อมกับนักรบ พวกเขาโจมตี โจมตี และโจมตี พวกเขาไม่ได้คิดถึงการป้องกันเลยแม้แต่นิดเดียว มันเป็นการบุกทะลวงที่พวกเขาสามารถทำได้เพราะชุดเกราะเสริมเวทย์ที่แข็งแกร่ง ไม่ต้องพูดถึงการที่อันเดทนั้นอ่อนแอ
มีบางครั้งที่อันเดทสามารถโจมตีศรีษะของกรีนแฮมได้ แต่ชุดเกราะก็ดูดซับแรงกระแทกและไม่มีผลกับคอของเขาแม้แต่น้อย แม้กระทั่งการโจมตีที่หน้าอกหรือท้อง เขาก็แทบไม่รู้สึก
คู่ต่อสู้ของพวกเขาคืออันเดทระดับต่ำ พวกมันท้าทายเพราะด้วยจำนวนเท่านั้น แต่เพราะพวกเขาเคลียร์พวกมันส่วนใหญ่ไปแล้ว พวกเขาจึงมีเวลาพักหายใจอีกครั้ง นักรบได้ตะโกนทั้งๆที่เหวี่ยงอาวุธอยู่
“จนถึงตอนนี้พวกเราเจอแต่พวกที่อ่อนแอที่สุด แต่ดูจากจำนวนแล้วสุสานนี้คงมีอีกเยอะเลย”
“ใช่ แล้วมันก็คงไม่แปลกหรอกถ้าจะมีอันเดทที่แกร่งกว่านี้อยู่ที่ไหนซักแห่ง แต่ชั้นก็ไม่รู้ว่าทำไมพวกมันถึงไม่โผล่หัวออกมา”
คนที่ตอบคือเคลริกซึ่งกำลังหยิบโลห์ของนักรบขึ้นมาพร้อมๆกับจับตาดูสถานการณ์
“บางทีพวกอันเดทพวกนี้คงถูกอัญเชิญออกมา อาจจะผ่านเวทอัญเชิญหรือไอเทม”
เหตุผลก็คือซากศพของอันเดทนั้นหายไปหลังจากเวลาผ่านไประยะหนึ่ง ทั้งห้องไม่ได้เต็มไปด้วยซากศพเลย ซากศพของอันเดทพวกนี้ก็หายไปแบบเดียวกับพวกที่ถูกอัญเชิญมา นั่นคือเหตุผลที่นักเวทย์นั้นตอบสวนขึ้นมา
“กลไกบางอย่างที่เรียกฝูงอันเดทระดับต่ำขึ้นมาหรือ ชั้นไม่อยากจะคิดเลย อย่าทำให้ชั้นนึกถึงการที่สุสานนี้เต็มไปด้วยซอมบี้ในทุกๆที่สิ”
กรีนแฮมตอบในขณะที่ทำให้หัวของสเกเลตั้นบินไปราวตัดต้นไม้ จำนวนของอันเดทที่เหลือนั้นสามารถนับได้ด้วยสองมือแล้ว และบานประตูที่เปิดกว้างนั้นไม่มีสัญญาณของอันเดทที่เป็นกำลังเสริม การต่อสู้คงสิ้นสุดในเวลาไม่นาน
ในวินาทีนั้น ความรู้สึกเย็นยะเยือกได้ก่อตัวขึ้นที่ฝ่าเท้าของเขา
สัญชาติญาณอันตรายบอกเขาให้อพยพด่วน แต่มันคงจะสายเกินไปแล้วสำหรับเขา แต่ถึงอย่างนั้น-
“อันตราย ทุกคนรีบออกจากห้อง-”
โจรได้ตะโกนขึ้นราวกับเขารู้สึกแบบเดียวกัน
แต่มันก็สายเกินไป พื้นห้องที่แข็งแรงหายไปในทันที ความรู้สึกลอยได้คลุมตัวพวกเขาและในไม่กี่อึดใจร่างพวกเขาก็กระแทกพื้น
กรีนแฮมได้ยินเสียงเพื่อนของเขาร้องอย่างเจ็บปวด แต่เขาก็ยืนขึ้นด้วยขวานของเขาที่ไม่ได้ปล่อยออกแม้จะร่วงลงมาและโจมตีใส่โครงกระดูกที่กลิ้งอยู่บนพื้น
“กำจัดพวกมัน”
หลังจากที่พวกอันเดทรับความเสียหายจากการร่วงหล่น เหล่าสเกเลตั้นที่อ่อนแอต่อการโจมตีประเภทบดขยี้ และได้รับความเสียหายอย่างหนักหลังจากร่วง มันเป็นศัตรูที่ง่ายมาก
กรีนแฮมมองไปรอบๆห้องหลังจากเก็บกวาดพวกอันเดทเสร็จ
พวกเขาติดกับดักเวทซึ่งทำให้พื้นหายไป พอมองไปข้างบน เพดานอยู่เหนือพวกเขาขึ้นไปอย่างน้อยยี่สิบเมตร สามเมตรเหนือพื้นมีประตูและอีกสามเมตรขึ้นไปรวมเป็นทั้งหมดหกเมตรมีประตูที่เปิดอยู่ซึ่งเป็นบานที่พวกเขาเข้ามาตอนแรก พวกเขาร่วงลงมาประมาณสองชั้น
ถ้าจะให้อธิบายสภาพรอบๆ มันคล้ายกับเสาที่ยาว ส่วนก้นเป็นรูปทรงพีระมิดกลับหัว ความชันนั้นมากพอที่จะทำให้ผู้ปีนร่วงลงมาสู่ตรงกลางถ้าพลาดลื่น ซึ่งมีเพื่อนพวกเขาคนหนึ่งร่วงลงมาและถูกล้อมอยู่กลางวงซอมบี้ที่ร่วงลงมาด้วย
มันมหัศจรรย์มากที่ไม่มีใครบาดเจ็บหลังจากร่วงลงมากจากความสูงระดับนั้น
สิ่งที่แปลกเกี่ยวกับรูปแบบคือสามเมตรเหนือพื้นมีประตูที่ปิดอยู่ มันมีอุโมงค์อยู่ด้านละสี่แห่งรวมทั้งหมดสิบหกแห่ง
“ราวกับว่ามันออกแบบมาเพื่อทำให้จมน้ำเลย แบบมีน้ำเริ่มไหลออกมาจากประตูจำนวนมาก ไม่สิ ที่แย่กว่าคืออะไรที่เหมือนสไลม์”
“เห็นด้วย เราน่าจะตรวจดูประตูพวกนั้นนะว่าปลอดภัยพอที่จะหนีออกไปมั้ย”
อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นการยากที่จะปีนขึ้นไปสองชั้นผ่านพื้นผิวที่เรียบและไม่มีอะไรให้เกาะ โจรนั้นอาจจะทำได้ไม่ยาก แต่สำหรับคนที่ใส่เกราะฟูลเพลทแบบกรีนแฮมแล้วมันเป็นไปไม่ได้ เปรียบเทียบกันแล้ว ถึงแม้ประตูที่อยู่ด้านล่างจะยังเป็นปริศนาและอาจจะอันตราย แต่มันก็ไปถึงได้ง่ายกว่า
ในขณะที่พวกเขากำลังหารือว่าจะปีนยังไงนั้นเองก็มีบางอย่างยื่นหัวออกมาจากหนึ่งในสิบหกอุโมงค์ มันคือซากศพที่ขยายตัวจนบวมออกมา เพล็ก บอมเบอร์(Plague Bomber) (ฉากนี้นึกถึงตอนเล่นLeft 4 Deathเลย///ผู้แปล)
เห็นผลที่มันตัวบวมก็เพราะมันอัดแน่นไปด้วยพลังงานด้านลบ มันเป็นอันเดทที่จะระเบิดออกเมื่อตายซึ่งทำความเสียหายใส่สิ่งมีชีวิตและฮีลพวกอันเดท
อันเดทที่เหมือนกับสร้างโดยเอาแผ่นเนื้อมาแปะต่อกันนั้นบินออกมาจากอุโมงค์และกระแทกลงพื้นพร้อมส่งกลิ่นสะอิสะเอียน แต่ปัญหาคือสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น ร่างของมันไม่ถูกขัดขวางโดยพื้นลาดและกระแทกใส่ทีมของกรีนแฮมราวกับก้อนหินกลม
“ระวัง ถอยออกมา”
“อย่าพูดแบบนั้นใส่คนที่รับหน้าที่เป็นคนคิดเซ่”
ทุกๆคน รวมถึงนักเวทที่ใกล้จะร้องไห้ หลบอันเดทที่ยังกลิ้งไปสู่กลางห้องได้อย่างหวุดหวิด ตอนที่เพล็ก บอมเบอร์ตัวต่อไปโผล่หัวออกมา พวกเขาก็เริ่มรู้ว่าตัวเมื่อซักครู่คือตัวแรกของทั้งฝูงและจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
“วิ่งเร็ว ห้องนี้กำลังจะถูกถล่มด้วยพวกมัน”
ถ้ามีคนถูกผลักโดยอันเดท พวกเขาจะล้มลงลงไปยังตรงกลางและถูกบดขยี้ภายใต้ร่างจำนวนมหาศาล ถ้าไม่ตายจากการถูกขยี้ก็จะเคลื่อนไหวไม่ได้และจะรับพลังงานด้านลบอย่างต่อเนื่องจากการที่เพล็ก บอมเบอร์ระเบิดจากการโจมตีของเพื่อนร่วมทีม
“นี่เป็นกับดักที่ชั่วร้ายมาก ใครช่วยดันชั้นที”
“จะบ้าเหรอ งั้นคนๆนั้นก็หลบอะไรไม่ได้สิ”
ต่อให้เขาหลบการโจมตีแรกได้ คนๆนั้นก็จะเสียสมดุลและไม่สามารถหลบอันต่อไปได้ การขอให้ใครช่วยทำแบบนั้นในสถานการณ์แบบนี้นั้นโหดร้ายมาก
“งั้นฉันจะใช้เวทย์บิน”
“อย่าเสียเวลากับมันเลย นายยกพวกเราทั้งหมดไม่ได้หรอก”
“ไม่ใช่แบบนั้น แย่หล่ะพวกมันร่วงมาแล้ว ชั้นหมายถึงเว็บ แลดเดอร์(Web Ladder)ต่างหาก”
“ฟังดูดีนี่ งั้นไปที่ประตูที่ใกล้ที่สุดเลย กรีนแฮม คุ้มกันเขาหน่อย”
“- ไม่ อย่าทำ เราจะไปที่ประตูที่เราผ่านเข้ามา ประตูนั้นมันอันตราย”
มันไม่มีเวลาที่จะมาถามว่าทำไมเขาถึงคิดว่าประตูนั้นถึงอันตราย แต่ความเชื่อมั่นในกรีนแฮมของพวกเขานั้นแน่นอนมาก
“เว็บ แลดเดอร์(Web Ladder)”
เวทมนตร์ได้ทำงานและใยแมงมุมก่อตัวขึ้นที่กำแพง
ใยแมงมุมเวทมนตร์นี้มีความแปลกเกี่ยวกับมันอยู่ ถ้าคนร่ายไม่อยากให้ขยับมันก็จะอยู่กับที่ แต่ถ้าอยากให้มันขยับมันก็จะหลุดออกทันที มันคือเวทย์มนตร์ที่เหมาะสมกับการใช้เป็นบันไดที่สุด
ทีมของกรีนแฮมปีนขึ้นไปอย่างเป็นระเบียบ โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าพวกเขากำลังกลัว
คนที่ปีนถึงคนแรกอย่างยากลำบากได้สำรวจพื้นที่ ถ้าเขาถูกผลักลงไปตรงนี้ มันคงเป็นจุดจบของพวกเขาเลย
เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดถูกหลีกเลี่ยงและไม่มีสัญญาณของอันเดท หลังจากที่เขาสำรวจเสร็จแล้ว เขาก็กระโดดเข้าไปในอุโมงค์และดึงคนอื่นเข้าไป
“พวกเรายังไม่ตายยยย เมื่อคิดว่าพวกเขาเกือบถูกบดโดยพวกอันเดท มันเป็นหนึ่งในการตายที่เลวร้ายที่สุดเลย”
“การออกแบบของที่นี่เลวร้ายมาก ขาของชั้นเจ็บตอนหล่น ร่ายเวทย์รักษาหน่อย”
“เรายังโชคดีนะ แต่ขอหล่ะ อย่าให้นักเวทย์ต้องคอยหลบการโจมตีอีกเลยนะ”
ทุกๆคนบ่นในขณะที่พักหายใจ
“โอ่ย กรีนแฮม ทำไมนายถึงหลีกเลี่ยงประตูนั้นหล่ะ ฉันว่ามันน่าจะเป็นของจริงนะ ปกติเขามักจะวางทางหนีไว้ใกล้ๆที่ๆอันตราย”
“ลางสังหรณ์หน่ะ.......ลองปาอาวุธที่ไม่ใช้ใส่มันดูสิ”
กรีนแฮมตอบด้วยน้ำเสียงปกติและโจรก็ปามีดใส่ประตู มีดสั้นบินตรงไปและดูเหมือนจะปักใส่ประตู แต่ส่วนหนึ่งของประตูยื่นรยางค์ออกมาและปัดมีดออกไป
“นั่นมัน.......มันแกล้งทำเป็นประตูเหรอ ไม่สิ ดูจากสีแล้วมันยังเป็นอันเดทด้วย พวกนี้จะจับศัตรูด้วยรยางค์ที่เหนียวขณะที่โจมตี”
“โถ่เว้ย กับดักสองชั้นเหรอ แต่นายยังมองออกนะ”
“ลางสังหรณ์หน่ะ ไม่สิพูดให้ถูกคือ ฉันเลือกสิ่งที่รู้ไม่ใช่สิ่งที่ไม่รู้ อีกอย่าง ตำแหน่งของประตูนั้นมีแต่พลังงานด้านลบพวยพุ่งออกมา สิ่งไม่มีชีวิตอย่างประตูนั้นจะได้รับความเสียหายแม้จะน้อยจากพลังพวกนั้น แต่ฉันแค่สงสัยว่าทำไมถึงวางประตูไว้ตรงนั้น เอาหล่ะ....ไปกันเถอะ”
กรีนแฮมหยุดพูดกลางประโยค โจรซึ่งพูดมากมาตลอดได้ยกนิ้วขึ้นมาที่ริมฝีปากและมุ่งไปที่การฟัง
เมื่อกรีนแฮมเงี่ยหูฟัง เขาได้ยินเสียงแปลกๆ ราวกับเสียงอะไรกระทบพื้น
ทุกๆคนหันไปทางอุโมงค์ต้นกำเนิดเสียง
“คงเป็น.....ศัตรูสินะ กำลังหวังว่าพวกนั้นจะปล่อยให้เราพักบ้าง”
“ใช่แล้ว และมีตัวเดียวด้วย แถมดูไม่คิดจะปกปิดตัวเองด้วย มันคงจะดีถ้านี่เป็นตัวสุดท้าย.....”
ทุกคนค่อยๆยกอาวุธขึ้นช้าๆ นักรบที่ยืนอยู่ข้างหน้ารับโหล์มาแล้วซ่อนตัวได้ข้างหลัง นักเวทย์เตรียมไม้เท้าที่เรืองแสงและพร้อมจะโจมตีใส่ศัตรูทุกเมื่อและหันไปยังทิศที่มาของเสียง เคลริกได้เตรียมสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธ์และโจรได้เล็งธนู
แกร็ก..................แกร็ก......... เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดฝั่งตรงข้ามก็แสดงตัว
มีแค่ชั้นผิวหนังบางๆที่ถูกย่อยสลาย ใบหน้าที่ดูชั่วร้าย รังสีของภูมิปัญญาและพลังงานด้านลบอาบคลุมทั่วร่างราวกับหมอกควัน สิ่งนั้นคือจอมขมังเวทย์ผู้ไม่ยอมตายและชื่อของมันคือ-
“เอลเดอร์ ลิช(Elder Lich)”
นักเวทย์ซึ่งรู้ตัวต้นของศัตรูได้ร้องตะโกน
มันถูกต้องแล้ว สัตว์ประหลาดซึ่งถูกสร้างเมื่อซากศพของนักเวทย์ผู้ชั่วร้ายได้รับชีวิตที่ไม่บริสุทธ์ มันเป็นสัตว์ประหลาดที่ชั่วร้ายแบบนั้น
เพื่อนของกรีนแฮมเปลี่ยนรูปขบวนทันทีที่ได้ยิน เอลเดอร์ ลิช ไม่มีใครยืนใกล้กันและรักษาระยะออกจากกันเพื่อรับมือเวทย์โจมตีเป็นวงกว้าง
เอลเดอร์ ลิช เป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง มันเป็นเรื่องยากสำหรับนักผจญภัยระทับแพลทตินัม และชนะได้สำหรับระดับมิสทริล แต่สำหรับทีมของกรีนแฮม ถ้าตัดความเหนื่อยล้าออกไป มันเป็นคู่ต่อสู้ที่พวกเขาสามารถชนะได้ง่าย โชคดีที่พวกเขามีสมาชิกที่ได้เปรียบกับพวกอันเดทโดยเฉพาะ พวกเขาจึงค่อนข้างมั่นใจ
อีกอย่าง ถ้าฝั่งตรงข้ามอยู่ไกลออกไปมาก มันคงจะเป็นอันตราย แต่ตอนนี้ระยะห่างนับว่าพวกเขาได้เปรียบ
“แกคงเป็นเจ้าของสุสานนี้สินะ”
กรีนแฮมได้ข้อสรุปแบบนั้น เอลเดอร์ ลิช เป็นผู้ปกครอง บางครั้งปกครองฝูงอันเดทและทำการแลกเปลี่ยนกับสิ่งมีชีวิต
มีเอลเดอร์ ลิชที่มีชื่อเสียงมากมายเช่นกัปตันของเรือผีสิงที่แล่นผ่านหมอกในทุ่งแกตส์ หรือเอลเดอร์ ลิชที่ปกครองเหนือปราสาทที่ถูกทิ้งร้าง ทำให้ถ้าเป็นเอลเดอร์ ลิชแล้วก็ไม่แปลกที่มันจะเป็นเจ้าแห่งสุสานนี้
“ท่าทางเราจะมาถูกที่สินะ”
“ถึงแม้ว่าการฆ่าเจ้าของสุสานจะไม่ใช่คำขอร้องก็ตาม”
“แสดงพลังของ เฮฟวี่ แมชเชอร์ ให้มันเห็นเลย”
“จงคุกเข่าต่อพลังของพระเจ้า”
เพื่อนร่วมทีมของเขาตะโกนออกมาพร้อมกัน มันเป็นการสลัดความกลัวต่อการเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่าง เอลเดอร์ลิช
“เวทย์มนตร์ป้องกัน-”
กรีนแฮมพยายามตะโกนออกคำสั่ง แต่ว่ากลัวถูกปกคลุมด้วยความกลัว ที่มาของความกลัวนั้นคือศัตรูอันแข็งแกร่งที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาเอลเดอร์ ลิช
“…..มันทำอะไร”
“มันวางแผนจะลอบโจมตีเหรอ”
เอลเดอร์ ลิชไม่แสดงสัญญาณของการเคลื่อนไหวต่อทีมของกรีนแฮมเลยเลย มันไม่ยกไม้เท้าขึ้น ไม่ร่ายเวทย์มนตร์ แต่แค่ยืนมองพวกเขาเฉยๆ
เพื่อนๆของกรีนแฮมไม่สามารถช่อนความประหลาดใจไว้ได้ ความคาดหวังต่อการเปิดฉากการต่อสู้ถูกทำลายลง แต่พวกเขาก็ลังเลที่จะโจมตีก่อนเช่นกัน
เหล่าอันเดทนั้นแบกรับความเกลียดชังต่อสิ่งมีชีวิต แต่อันเดทบางตนก็สามารถกดความรู้สึกนั้นไว้ได้ ถ้าสิ่งมีชีวิตเป็นฝ่ายเริ่มเจรจา มันจะเป็นจบลงด้วยการแลกเปลี่ยนที่เลวร้าย แต่ถ้าอันเดทเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ก็มีกรณีที่ผู้คนจะได้รับไอเทมโบราณที่บรรจุด้วยองค์ความรู้ที่สาบสูญ
มันคงจะดีที่สุดถ้าพวกเขาไม่ต้องสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างเอลเดอร์ ลิช บางทีอาจเป็นเพราะความเครียดที่ไม่สามารถจัดการพวกเขาด้วยกับดัก หรืออาจเพราะรู้ถึงความสามารถของพวกเขาจึงอยากจบเรื่องอย่างสันติ
เมื่อพิจารณาองค์ประกอบทั้งหมดแล้ว มันคงจะโง่มากถ้าเป็นฝ่ายโจมตีก่อนเนื่องจากจะเป็นการทำลายโอกาสเจรจา การต่อสู้หนักหน่วงที่ไม่มีทางถอยนั้นมีความเสี่ยงสูงมาก
เพื่อนๆของกรีนแฮมมองหน้ากันราวกับได้ข้อสรุปเดียวกัน
และมันเป็นหน้าที่ของหัวหน้าที่จะเป็นตัวแทน-
“เอ่อ ขอโทษนะครับ พวกเราเชื่อว่าคุณเป็นเจ้าของสุสานแห่งนี้ พวกเรา---”
เอลเดอร์ ลิชหันหน้าที่แปลกประหลาดไปทางกรีนแฮมแล้วยกนิ้วกระดูขึ้นมาที่ริมฝีปาก
ความหมายคือ จงเงียบก่อน
มันไม่ใช่การกระทำที่เหมาะสมกับเอลเดอร์ ลิชเลย แต่ไม่มีใครกล้าพอ ไม่มีเลย ไม่มีใครที่โง่พอจะพูดอะไรแบบนั้นต่อหน้าศัตรูที่แข็งแกร่ง
กรีนแฮมปิดปากของเขาอย่างว่าง่าย ในโถงทางเดินที่ปกคลุมด้วยความเงียบ เขาก็สงสัยในหูตัวเองเมื่อเขาได้ยิน“เสียงนั้น”อีก
เสียงแกร็กๆที่เขาได้ยินเมื่อครู่ เสียงอะไรบางอย่างเคาะพื้น ทั้งหมดหกเสียง
ทีมของกรีนแฮมมองหน้ากัน พวกเขาไม่อาจเชื่อหูของตัวเอง และทุกๆคนค่อยๆถอยอย่างแตกตื่น
“ใครฟะ ใครกันที่บอกว่าเอลเดอร์ ลิชตัวนั้นเป็นเจ้าของสุสานนี้”
“ขอโทษ ตูเอง”
“นี่มันบ้าอะไรเนี่ย ไม่เห็นจะมีอะไรสมเหตุสมผลเลย”
“โอ่ยยยยยย แล้วเราจะชนะกันยังไง”
“แม้แต่พรของพระเจ้าก็มีขีดจำกัดเรอะ”
เบื้องหลังเอลเดอร์ ลิชตัวแรก มีสัตว์ประหลาดหน้าตาคล้ายๆกันปรากฏตัวขึ้น หกตัวด้วยกัน
มีนักเวทย์อันเดทที่แข็งแกร่งมากรวมกันเจ็ดตัว
ตราบใดที่มันเป็นมอนสเตอร์ชนิดเดียวกัน มันก็มีรูปแบบการโจมตีที่คล้ายๆกัน พูดอีกอย่างคือ ถ้ามีทางทีจะทำลายการโจมตีได้ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะชนะพวกมันทั้งหมด แต่ทว่าไม่มีใครที่ทำแบบนั้ได้หรือมีว่าเป็นไปได้ที่จะทำแบบนั้นได้
ในสถานการณ์อันสิ้นหวัง กรีนแฮมและทีมของเขาหมดกำลังใจที่จะสู้ต่อโดยสิ้นเชิง
“เอาหล่ะ เรามาเริ่มกันเถอะ”
สิ่งที่ตามมาหลังคำพูดที่ไม่มีสัญญาณของการอยากเจรจาแม้แต่น้อย ไม้เท้าเจ็ดอันถูกยกขึ้นช้าๆ พร้อมๆกันนั้น กรีนแฮมก็ตะโกน
“วิ่ง”
ราวกับรอคำสั่งอยู่แล้ว ทุกๆคนวิ่งเต็มฝีเท้าไปยังทิศตรงข้ามกับเอลเดอร์ ลิช แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีเวลาจะสนใจจะคิดว่ามีอะไรอยู่ในอุโมงด์ พวกเขาแค่หาทางเพิ่มโอกาสรอดชีวิตจากการล้างบางของเอลเดอร์ลิช
โจรวิ่งนำหน้าตามด้วยกรีนแฮม นักเวทย์และนักรบ พวกเขาวิ่งอย่างไม่ลังเล
เมื่อเจอหัวมุม ปกติแล้วพวกเขาต้องระวังการที่จะมีมอนสเตอร์โผล่มา แต่เมื่อพิจารณาจากเสียงฝีเท้าที่ไล่หลังมา มันไม่มีเวลามาไล่ดูขนาดนั้น พวกเขาปล่อยทุกอย่างไว้กับโชคชะตาแล้ววิ่งอย่างเดียว
ทั้งสองข้างของทางเดินมีบานประตูทำจากหิน แต่พวกเขากลัวการวิ่งเข้าไปเจอทางตันและไม่แม้แต่คิดจะเปิดดู
เสียงของโลหะดังสะท้อนทางเดินมาจากคนที่ใส่เกราะฟูลเพลทมีโอกาสดึงดูดมอนสเตอร์แต่พวกเขาไม่มีเวลาร่ายเวท ไซเลนท์(Silence) พวกเขาได้แต่วิ่งและวิ่ง
หลังจากเลี้ยวที่หัวมุมแล้วหัวมุมเล่าและวิ่งลงอุโมงค์ด้วยความเร็วเต็มที่ พวกเขาได้หลงทิศทางและไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ถ้าเป็นไปได้ พวกเขาอยากกลับไปที่ทางเข้า แต่พวกเขาก็ยังไม่อาจพักได้
“พวกมันยังตามมารึเปล่า”
กรีนแฮมถามขณะที่ยังวิ่ง เสียงตอบดังมาจากนักรบด้านหลัง
“ใช่ พวกมันก็วิ่งเหมือนกัน”
“บ้าเอ๊ย”
“หยุดวิ่งตามเราซะที ใช้เวทย์บินไปเลยเซ่”
“ถ้าพวกมันใช้เวทย์บิน พวกมันก็โจมตีขณะไล่ตามเราได้สิเจ้าโง่”
“งั้นก็ขังพวกเราไว้ในห้องแล้วเจรจา……”
นักเวทตะโกนออกมาในอากาศ เขาเป็นผู้ที่กำลังกายน้อยที่สุดและดูเหมือนกำลังจะล้ม กรีนแฮมตัดสินใจว่านี่ไม่ใช่ทางไปต่อ พวกเขาไปต่อไม่ไหวแล้ว
อันเดทอย่างเอลเดอร์ ลิชนั้นไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ถ้าเป็นแบบนี้ พวกมันจะตามมาทันและล้างบางเวิร์กเกอร์ที่กำลังหมดแรง
“ทำไมถึงมีเอลเดอร์ ลิชมากขนาดนั้น....”
มันเป็นอะไรที่ทำลายสามัญสำนึก
“แสดงว่าเจ้าของสุสานนี้แข็งแกร่งกว่าเอลเดอร์ลิชงั้นเหรอ”
มันเป็นเหตุผลเดียวที่เขาคิดออก แต่ว่า อันเดทแบบนั้นมีอยู่จริงงั้นเหรอ กรีนแฮมไม่สามารถตอบได้
“บ้าที่สุด ไอ้สุสานบ้าๆนี่”
นักรบที่อยู่ด้านหลังตะโกนขณะที่หอบหายใจอย่างหนัก
และราวกับกำลังรอเวลานั้น พื้นได้เริ่มเปล่งแสงและขยายออกจนใหญ่พอที่จะล้อมกลุ่มของกรีนแฮมเอาไว้
“อ้า”
ใครบางคนได้กรีดร้องออกมา-
-และหลังจากนั้น มันเป็นความรู้สึกเหมือนกำลังลอย ซึ่งแตกต่างจากที่พวกเขาเจอเมื่อสักครู
สิ่งที่ปรากฏในสายตาของกรีนแฮมนั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากความมืดมิด แต่ว่ามีบางสิ่งถูกเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาและเขารู้สึกว่าเขาค่อยๆจมลงไปช้าๆราวกับกำลังอยู่ในหนองน้ำ เขาตื่นตระหนกอยู่ชั่วครู่ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ลึกมากเพราะเขาหยุดจมลงเมื่อลึกถึงประมาณเอว
กรีนแฮมพูดออกมาในดินแดนอันมืดมิดและเงียบสงัดราวกับเด็กหลงทางที่กำลังมองหาพ่อแม่
“…..มีใครอยู่นี่บ้างมั้ย”
“ทางนี้ กรีนแฮม”
เสียงของหนึ่งในเพื่อนของเขา โจรนั่นเองที่ดังขึ้นมา ดูเหมือนเขาจะไม่ได้อยู่ไกลออกไปนัก อาจจะอยู่ในระยะเดียวกับตอนที่พวกเขาวิ่งหนี
“…..มีคนอื่นอีกมั้ย”
ไม่มีคำตอบอื่นอีก นั่นก็เป็นคำตอบที่เดาได้อยู่ เมื่อดูจากการที่ไม่มีแสงแล้ว ทั้งนักเวทย์และนักรบไม่ได้น่าจะอยู่ที่นี่ เขาคิดว่าอย่างน้อยก็โชคดีที่มีโจรอยู่ด้วย
“.....ดูเหมือนจะมีแค่พวกเรานะ”
“นั่นหมายถึง....ชิ ชั้นว่านายพูดถูก”
เขามองไปรอบๆขณะที่เดินไปข้างหน้า ความมืดอันลึกล้ำปกคลุมไปทั่วและก่อความกลัวขึ้น ความกลัวที่เขาไม่สามารถบอกได้ว่าความมืดนี้เริ่มตรงไหนและสิ้นสุดที่ใด มันไม่มีสัญญาณของการเคลื่อนไหวเลย
“คิดว่าเราน่าจะจุดไฟมั้ย”
“แน่นอน”
เขากังวลว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขาจะทำลายความเงียบหรือทำให้กับดักทำงานรวมถึงอะไรอื่นๆที่จะประดังเข้ามา ยังไงก็ตาม ตาของมนุษย์นั้นไม่สามารถมองเห็นในความมืดได้ถ้าไม่มีแหล่งแสงสว่าง
“รอแปปนะ”
หลังจากเสียงของโจร ก็มีการเคลื่อนไหวในความมืดแล้วก็มีแสงสว่าง ภาพที่โจรถือแท่งเรื่องแสงเป็นสิ่งแรกที่เข้ามาในสายตา แต่ตามด้วยอะไรบางอย่างจำนวนนับไม่ถ้วนที่เปล่งประกายเมื่อสะท้อนกับแสง มันทำให้เขานึกถึงสมบัติในห้องเก็บศพ
--เพียงแต่ว่าไม่ใช่อะไรแบบนั้น
กรีนแฮมพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะสะกดเสียงกรีดร้องของเขาไว้ และตัวโจรเองก็ดูเหมือนจะเป็นลมล้มพับไปได้ทุกเมื่อ
สิ่งที่สะท้อนแสงไฟซึ่งมีจำนวนนับไม่ถ้วนนั้นคือแมลงซึ่งมีรูปร่างเหมือนกับแมลงสาบที่มีอยู่เต็มพื้นที่ ห้องทั้งห้องเต็มไปด้วยแมลงสาบหลากหลายขนาดตั้งแต่ตัวประมาณนิ้วก้อยไปจนถึงตัวที่ยาวเป็นเมตร ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังซ้อนทับกันเป็นชั้นๆจำนวนนับไม่ถ้วน
ความรู้สึกบดขยี้และเสียงจากฝ่าเท้าของเขาก็คงเป็นแมลงสาบ เมื่อดูจากการที่มันมาถึงเอวของเขา เขาไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าพวกมันมีเยอะแค่ไหน
ห้องที่พวกเขาอยู่นั้นกว้างมากขนาดแสงไฟยังส่องไปไม่ถึงกำแพง ว่าคิดจากรัศมีการส่องแสงของแท่งนั้นคือสิบห้าเมตร เขาก็จะสามารถประมาณความกว้างในห้องได้ แล้วเมื่อเขามองขึ้นไปยังเพดานเขาก็ยังมองเห็นฝูงแมลงสาบจำนวนนับไม่ถ้วนที่สะท้อนแสงไฟกลับมาหาเขา
“ที่..นี่..มันที่ไหน”
โจรพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด กรีนแฮมสามารถเข้าใจความรู้สึกของเขาได้ เขากำลังคิดว่าถ้าเกิดเขาหลุดพูดอะไรออกมา พวกมันทั้งหมดจะขยับพร้อมกัน
“มัน....เกิดอะไรขึ้น”
ขณะที่มองไปรอบๆอย่างหวาดกลัว กรีนแฮมก็นึกถึงวินาทีก่อนที่เขาจะถูกเทเลพอร์ตมาที่ความมืด เขานึกถึงแสงเรืองของวงเวทย์และถามโจร
“….มันใช่กับดักที่พื้นหรือเปล่า”
“ไม่น่าจะใช่นะ ไม่ใช่ว่าเป็นอย่างอื่นเหรอ หรือว่าเป็นเวทย์มนตร์บทอื่น.....”
“กับดักเวทย์มนตร์เทเลพอร์ต......หรือว่าเป็นเอลเดอร์ ลิชที่ร่ายมันออกมา”
เวทย์มนตร์เทเลพอร์ตนั้นมีตัวตน ตัวอย่างเช่นเวทย์มนตร์ระดับสามที่ใช้เพื่อหนี เวทย์“เคลื่อนย้ายข้ามมิติ”(Dimensional Move)ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ผู้ร่ายจะสามารถใช้เวทย์มนตร์กับตัวเองได้เท่านั้น แต่เวทย์มนตร์แบบนี้ที่สามารถใช้กับคนอื่นได้และยิ่งไปกว่านั้นยังใช้กับคนหลายคนได้พร้อมๆกันนั้น—
“มันมีเวทย์มนตร์ระดับห้าหรือหกที่สามารถเทเลพอร์ตคนเป็นกลุ่มพร้อมๆกันได้ใช้มั้ย”
“ใช่มั้ง.....คิดว่านะ”
“พอรู้ว่าพวกนั้นสามารถใช้เวทย์มนตร์ระดับนั้นได้แล้ว.....”
ตัวตนที่สามารถใช้เวทย์มนตร์ระดับห้าเป็นอย่างน้อยได้นั้นไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่กรีนแฮมคิดว่ามันสมเหตุสมผล ถ้ามีใครบางคนที่แข็งแกร่งถึงขนาดนั้นแล้ว มันก็ไม่น่าแปลกใจที่คนๆนั้นจะสามารถปกครองเอลเดอร์ ลิชจำนวนมากได้พร้อมกัน และเมื่อคิดว่ามันมีสติปัญญาแล้วพวกมันจะง่ายต่อการปกครองและควบคุมเช่นกัน
กรีนแฮมที่รับรู้ถึงความจริงที่ว่ามีบางสิ่งที่อันตรายขนาดนั้นอยู่ในสุสานแห่งนี้แล้วนั้นก็มีความรู้สึกหนาวสั่นไปถึงไขสันหลัง ในขณะเดียวกันนั้น ความเกลียดชังที่มีต่อเอิร์ลที่ให้คำขอนี้ก็เกิดขึ้นในจิตใจของเขา แต่แน่นอนว่าคนที่รับคำขอนั้นคือพวกเวิร์กเกอร์อย่างกรีนแฮมเอง และพวกเขาก็ใช้ชีวิตราวกับชิปพนันที่อยู่คู่กับความเสี่ยงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นพวกเขาก็พูดอะไรมากไม่ได้ แต่แน่นอนว่า ตัวเอิร์ลเองนั้นอย่างน้อยต้องมีข้อมูลของสุสานอยู่แน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่เสนอเงินรางวัลจำนวนมากเพื่อรวบรวมเหล่าเวิร์กเกอร์หรอก
“เขาดูถูกเราอยู่อย่างนั้นรึ บ้าเอ๊ย......... ยังไงก็ตามรีบออกไปจากที่นี่กันเหอะ.....ที่นี่ สถานที่นี้ ไม่ใช่ที่ๆเราควรมายุ่มย่ามด้วย”
“ได้เลยกรีนแฮม นายนำเลย เดี๋ยวฉันตามเอง”
โจรนั้นไม่ได้รู้สึกตัวเลย หรือจะบอกว่ามันคงจะดีกว่าถ้าเขาไม่รู้สึก
ว่าพวกแมลงสาบไม่ได้ขยับตัวเลยแม้แต่น้อย
กรีนแฮมมองไปรอบๆตัวยังเหล่าแมลงสาบที่ล้อมรอบตัวเขาอยู่ เมื่อดูจากการที่หนวดของพวกมันนั้นขยับแม้จะน้อยนิด แสดงว่าพวกมันนั้นไม่ได้ตาย แต่ก็ไม่ได้ขยับเช่นกัน และมันทำให้รู้สึกถึงอันตรายที่ไม่อาจรู้ได้
“ไม่หรอก พวกเจ้าจะหนีออกไปไม่ได้”
เสียงบุคคลที่สามดังออกมา
“นั่นใคร”
กรีนแฮมและโจรมองไปรอบๆแต่ก็ไม่เห็นการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
“อ่าต้องขออภัยด้วย อันตัวเรานี้ชื่อ เคียวฮุโคว(Kyouhukou) ผู้ที่ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลพื้นที่นี้จากท่านไอนส์ ยินดีที่ได้รู้จัก”
จากทิศทางที่เสียงดังออกมา พวกเขาก็เห็นฉากที่แปลกอย่างมาก อะไรบางอย่างพยายามแหวกดงแมลงสาบออกแล้วปีนขึ้นมา
มันไม่ใช่ระยะที่สามารถยื่นถึงด้วยอาวุธระยะประชิด โจรได้เตรียมธนูอย่างเงียบๆและกรีนแฮมได้พยายามเตรียมสลิง(Sling)กับก้อนหินแต่เขาก็เปลี่ยนใจ เขาคิดว่าจะบุกฝ่าฝูงแมลงสาบที่สูงถึงเอวเข้าไปฟันศัตรูแทน
สิ่งที่ปรากฏตัวออกมาหลังจากฝ่าฝูงแมลงสาบออกมาคือแมลงสาบอีกหนึ่งตัว
แต่ว่าตัวที่โผล่มานั้นแตกต่างจากสายพันธุ์ที่เหลือของพวกมัน เจ้าแมลงสาบตัวนี้สูงประมาณสามสิบเซนติเมตรและยืนด้วยขาหลังสองข้าง มันสวมผ้าคลุมสีแดงสดพร้อมมีลายปักจากด้ายทองที่ดูหรูหราอยู่บนขอบพร้อมกับมงกุฏทองคำอันเล็กน่ารักอยู่บนศรีษะ ที่อยู่ในขาหน้าของมันคือไม้คฑา(Scepter)ที่มีอัญมณีสีขาวบริสุทธ์ประดับอยู่ที่ปลาย
สิ่งที่แปลกที่สุดก็คือการที่มันยืนด้วยสองขา หัวของมันหันมาทางกรีนแฮมและโจร ซึ่งถ้าแมลงทั่วไปยืนแบบนี้ หัวของพวกมันจะชี้ขึ้นฟ้าแทน แต่เจ้าตัวที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขานั้นไม่ใช่แบบนั้นเลย
กรีนแฮมและโจรมองหน้ากันและตัดสินใจว่ากรีนแฮมจะเป็นคนเจรจา หลังจากแน่ใจว่าโจรได้ขึ้นสายธนูและเล็งเรียบร้อยแล้ว เขาก็เข้าไปพูดกับเคียวฮุโค
“แก....เป็นใคร”
“หืมมม....ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้ยินที่ชั้นพูดตอนแรกสินะ เจ้าต้องการให้ข้าแนะนำตัวอีกครั้งงั้นรึ”
“เปล่า นั่นไม่ใช่ปัญหา....”
กรีนแฮมรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องถามหรือพูดคุย
“ฉันจะพูดตรงๆ แกอยากจะแลกเปลี่ยนกันมั้ย”
“โฮ้โฮ่ เจ้าอยากจะแลกเปลี่ยนงั้นรึ ในเมื่อข้ารู้สึกพอใจพวกเจ้าทั้งคู่อยู่เช่นกัน งั้นก็ไม่มีเหตุผลที่ข้าจะไม่ฟังถึงข้อเสนอของพวกเจ้า”
คำพูดที่ว่า “พอใจ”นั้นทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเลยว่าอะไรที่ทำให้มันพอใจ แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรถามในสถานการณ์ที่เสียเปรียบแบบนี้
“พวกเรา...อยากให้คุณปล่อยให้พวกเราออกไปจากสถานที่นี้อย่างไร้บาดแผล”
“แน่นอนว่านั่นต้องเป็นอะไรที่เจ้าปรารถนาแน่ แต่ถึงแม้พวกเจ้าจะออกจากห้องนี้ไปได้ ตอนนี้พวกเจ้าอยู่ที่ชั้นที่สองของมหาสุสานแห่งนาซาริก ข้าจะขอแนะนำว่ามันเป็นการยากมากที่จะกลับขึ้นไปยังพื้นดิน”
ชั้นที่สอง- ดวงตาของกรีนแฮมเบิกกว้างให้กับคำพูดนั้น
“แสดงว่าประตูใต้สุสานหลักบนพื้นผิวนั้นนำไปสู่ชั้นที่หนึ่งรึ”
“มันแปลกหรือ”
“เปล่า ชั้นแค่อยากยืนยันให้ชัด”
“ฮ่าฮ่า ในเมื่อพวกเจ้าถูกเทเลพอร์ตมาจากชั้นหนึ่ง ข้าเข้าใจถึงความสับสนของเจ้าได้เลยหล่ะ”
ระหว่างที่มองยังเคียวฮุโคพยักหน้าให้กับโครงสร้างสถานที่ กรีนแฮมก็รู้สึกหนาวยะเยือกไปถึงไขสันหลัง ราวกับมีแท่งน้ำแข็งทิ่มแทงเขาที่ด้านหลัง ความหวาดกลัวก่อตัวขึ้นเมื่อได้รับรู้ว่าทฤษฎีของเขาถูกต้อง ให้พูดอีกอย่างก็คือ บางสิ่งบางอย่างได้ใช้เวทย์เทเลพอร์ตเป็นกับดัก ต้องใช้เวทย์มนต์แบบไหนและต้องการความสามารถทางเวทย์ขนาดไหนกัน กรีนแฮมไม่ใช่นักเวทย์แต่เขาก็รู้ได้ถึงสิ่งนั้น
“……แน่นอน ถ้าคุณบอกพวกเราถึงทางออกไปจากสุสานได้....อืม ไม่หล่ะ เราจะไม่ขอขนาดนั้น แค่ปล่อยพวกเราออกจากห้องก็พอ”
“หืมมมม อืมมมม”
“เราจะ....ให้ทุกอย่างที่คุณอยากได้”
“เช่นนั้นรึ”
เคียวฮุโควพยักหน้าและดูเหมือนเขากำลังใช้ความคิด
หลังจากเวลาผ่านไปในความเงียบ เคียวฮุโควก็พยักหน้าราวกับเข้าใจแล้วเริ่มพูด
“ตัวเรานั้นมีทุกอย่างที่ต้องการอยู่ในมือแล้ว ข้าสงสัยว่าเจ้าจะสามารถให้สิ่งที่ข้าต้องการได้หรือไม่”
เคียวฮุโควหยุดกรีนแฮมที่กำลังจะพูดด้วยขาหน้าแล้วพูดต่อ
“แต่ดูเหมือนเจ้าจะสงสัยสินะว่าเมื่อครู่ข้าขอบใจพวกเจ้าเพราะอะไร เพราะฉะนั้นแล้วให้ข้าได้อธิบายเถอะ คือแบบนี้ พรรคพวกของข้านั้นรู้สึกขยาดกับการโดนกัดกินอยู่ฝ่ายเดียวซะเหลือเกิน สำหรับพวกเจ้า ผู้ซึ่งกำลังจะเป็นอาหารที่มาเสิร์ฟนั้น ข้าต้องขอขอบพระคุณอย่างยิ่ง”
“ว่ายังไงนะ!!!!”
ทันทีที่โจรเข้าใจความหมายของคำพูดนั้นเขาก็ยิงธนูออกไปทันที ลูกธนูพุ่งตัดอากาศแต่ก็ถูกจับได้โดยผ้าคลุมสีแดงของเคียวฮุโควแล้วร่วงลงพื้น
ทันใดนั้น ห้องทั้งห้องก็เริ่มสั่น
เสียงจำนวนนับไม่ถ้วนเริ่มดังมาจากทุกทิศทุกทางและทวีความดังขึ้นเรื่อยๆ
ราวกับคลื่นน้ำได้สาดซัด ทะเลสีดำเริ่มเคลื่อนไหว
“มันเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับพวกเจ้าทั้งคู่ แต่ว่า ได้เวลาที่จะเอาพวกเจ้าเป็นอาหารมื้อเย็นแล้ว”
คลื่นลูกมหึมาได้กลืนกินทั้งกรีนแฮมและโจรเข้าไป มันเป็นเรื่องจริงเลยที่พวกเขานั้นถูกพัดไปโดยคลื่นขนาดยักษ์
ระหว่างที่ถูกพัดไปมาโดยวังวนคลื่นสีดำนั้น กรีนแฮมได้ตบไปยังแมลงสาบที่พากันคลานเล็ดลอดเข้ามาตามช่องว่างของชุดเกราะของเขา มันไม่มีอาวุธชนิดใดที่ใช้ได้ผลต่อฝูงแมลงที่มีขนาดเล็กหรือเขามีวิธีโจมตีเป็นวงกว้าง มันจะเร็วกว่าถ้าใช้มือแทนอาวุธอย่างอื่น และเพราะเหตุนั้น พวกเขาได้ทิ้งอาวุธของพวกเขาซึ่งหายไปนานแล้ว เขาพยายามดิ้นรนอย่างเต็มที่และอาละวาดไปทั่วอย่างสุดแรง แต่ว่าเนื่องจากแมลงสาบจำนวนมากได้เกาะตัวเขาไว้ มันจึงทำให้เขาขยับตัวแทบไม่ได้ มันเป็นการเคลื่อนไหวเหมือนคนที่กำลังจะจมน้ำ เสียงที่กรีนแฮมได้ยินนั้นมีแต่แมลงสาบจำนวนนับไม่ถ้วนคืบคลานอยู่รอบๆ
ตัวโจรนั้นถูกพัดไปและเสียงของเขานั้นไม่อาจได้ยินจากตรงไหนอีกแล้ว ไม่สิ มันเป็นเรื่องปกติที่กรีนแฮมจะไม่สามารถได้ยินเสียงของเขา โจรนั้นไม่สามารถพูดออกมาได้เพราะแมลงสาบจำนวนมากที่คืบคลานเข้าไปใน ปาก ลำคอ และช่องท้องของเขา
กรีนแฮมรู้สึกเจ็บปวดเพราะเหล็กใน ในทุกๆที่บนร่างของเขา มันเป็นความเจ็บปวดจากพวกแมลงสาบที่เล็ดลอดเข้าไปในชุดเกราะและเริ่มที่จะกัดกินเขาอย่างช้าๆ
“หยุดน-- ”
กรีนแฮมพยายามตะโกนแต่ก็ต้องสำลักในทันทีเพราะแมลงสาบนับไม่ถ้วนได้โถมเข้าไปในช่องปากของเขาและวิ่งพล่านไปทั่วลำคอ เขาพยายามอ้วกออกมาอย่างสุดความสามารถแต่พวกแมลงสาบก็ยังพยายามมุดเข้าไปในปากที่เปิดแม้เล็กน้อย หลังจากนั้นพวกมันก็วิ่งพล่านอยู่ในปาก มีบางตัวได้มุดเข้าไปในหูของเขา เสียงสั่นปีกนั้นชัดเจนและดังมากจนทำให้เขาตัวสั่น
แมลงสาบจำนวนนับไม่ถ้วนได้คลานไปทั่วและเริ่มกัดกินใบหน้าของเขา แม้เขารู้สึกเจ็บที่เปลือกตาแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเปิดตาขึ้น มันเป็นที่รู้อยู่แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเขาเปิดตา
กรีนแฮมเข้าใจอยู่แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเขา ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เขาจะถูกกินทั้งเป็นโดยเหล่าแมลงสาบที่หิวโหย
“ชั้นไม่เอาแบบนี้”
เขากรีดร้องอย่างสิ้นหวังและแมลงสาบก็แห่กันเข้าไปในปากของเขาอีกครั้ง พวกมันพยายามคืบคลานเข้าไปในลำคอของเขา หลังจากนั้น อะไรบางอย่างเหนียวๆเละๆกับความรู้สึกที่มีบางสิ่งเคลื่อนไหวลงไปสู่ภายในช่องท้อง และต่อด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียนของการที่แมลงสาบเคลื่อนไหวกลิ้งเกลือกไปมาอยู่ในท้องของเขานั้นทำให้เขาอยากจะอาเจียน
กรีนแฮมต่อต้านอย่างสุดกำลังด้วยพลังทั้งหมดที่มี เขาไม่ต้องการที่จะจบชีวิตแบบนี้
เขาได้ทำงานเพื่อสถานะที่เขาได้รับเพื่อเป้าหมายเพียงอย่างเดียวเท่า นั่นคือแสดงให้พี่ชายของเขาเห็น
เขาได้รวบรวมเงินจนมากพอที่เขาจะไม่ต้องทำงานอีกต่อไป และด้วยชื่อเสียงของเขา เขาสามารถแต่งงานกับผู้หญิงที่สวยขนาดไม่สามารถพบได้ตามหมู่บ้านทั่วๆไป เขากลายเป็นผู้ชนะในชีวิตที่อยู่เหนือพี่ชายของเขาไปไกล พี่ชายที่ปฏิเสธความร่ำรวยของเขาและไล่เขาออกมา
ตัวเขานั้นไม่ต้องการจะตายที่นี่
“กรอดดดด ย้ากกกกก ชั้นต้องรอดชีวิตกลับไป”
เขาตะโกนก้องขณะที่พ่นแมลงสาบที่เขาขยี้มันออกจากปาก
“.....การต่อต้านของเจ้านั้นช่างกล้าหาญ เช่นนั้น ข้าจะเพิ่มให้เจ้าอีกหน่อย”
ครั้งนี้ แม้แต่เสียงตะโกนของกรีนแฮมก็ถูกฝังลงภายใต้วังวนสีดำในชั่วพริบตา
สยอง
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบสุดๆๆ
ตอบลบ