Overlord Vol.7 Prologue
บนชั้น 10 ของมหาสุสานนาซาริค ด้านในสุดของห้องบูชา—ความเร่าร้อนค่อยๆเอ่อล้นไปทั่วบริเวณด้านหน้าของราช บัลลังก์ ที่มีธง 40 ผืนแขวนอยู่ 2 ข้างทางไร้ซึ่งเสียงพูดคุย การรวมตัวกันภายในห้องมีไว้สำหรับพิธีแสดงความซื่อสัตย์โดยวางมือหนึ่งข้าง ไว้ที่หน้าอก คุกเข่าหันหน้าไปทางบัลลังก์ ก้มหัวลงเล็กน้อย แสดงถึงความจงรักภักดีของพวกเขา
ไม่เพียงแค่เหล่าฟลอร์การ์เดี้ยนเท่านั้นที่มารายงานตัว NPC คนอื่นๆที่ถูกสร้างโดย 41 ผู้สร้าง ตลอดจนถึงเหล่าบริวารคนอื่นๆเองก็มาร่วมในพิธีเช่นกัน จำนวนของพวกที่มารวมตัวกันในครั้งนี้มีมากกว่า 200 คน นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ห้องบัลลังก์เต็มไปด้วยเหล่าข้ารับใช้มากมายนับตั้งแต่ถูกย้ายมา
แต่ทว่าครั้งนี้นั้นแตกต่างจากครั้งก่อน เหล่าข้ารับใช้ที่มารวมตัวกันในครั้งนี้จัดอยู่ในกลุ่มของตัวตนที่แข็งแกร่ง ที่สุดของนาซาริค เลเวลเฉลี่ยของพวกเขานั้นมีมากกว่า 80 ด้วยซ้ำ
ผู้ติดตามของแชลเทียล้วนแต่เป็นอันเดดระดับสูงแทนที่จะเป็นสาวแวมไพร มิหนำซ้ำมาเร่ยังพามังกรเลเวล 90 มาอีก 2 ตัว ทั้งคู่ไม่เคยออกมาด้านนอกมาก่อน ที่ห้องบัลลังก์ มังกรทั้ง 2 ตัวถือเป็นสุดยอดสิ่งมีชีวิตหายากที่ได้มาจากร้านกาชาปอง
ท่ามกลางการคัดเลือกอย่างเหมาะสม ก็มีบางส่วนที่ถูกจัดให้ดูโดดเด่นกว่าคนอื่น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คงจะเป็นกลุ่มของอันเดดเลเวล 40 หนึ่งร้อยตัว พวกมันถูกจัดให้อยู่ในแถวที่ต่างจากข้ารับใช้คนอื่นๆอีก 200 ตัว
โดยทั่วไปแล้ว ข้ารับใช้ที่มีเลเวลต่ำจะถูกจัดให้อยู่ท้ายสุดของที่ประชุมโดยไม่มีข้อยก เว้น สัดส่วนที่พวกเขาจะได้รับนั้นก็ขึ้นอยู่กับเลเวลเช่นกัน แต่กลุ่มอันเดด 100 ตัวนั้นถูกสร้างโดยผู้ปกครองสูงสุดของมหาสุสานนาซาริค—ไอนซ์ โอล โกวน เช่นนั้นสถานะของพวกมันจึงต่างจากอันเดดตัวอื่นๆ
ถึงแม้ทุกชีวิตที่มารายงานตัวภายในห้องนี้จะเป็นข้ารับใช้ของไอนซ์และภักดีต่อกิลด์
“ ไอนซ์ โอล โกวน “ ความแตกต่างของสถานะก็ยังคงมีอยู่ แน่นอน หนึ่งใน NPC ระดับสูงที่ถูกสร้างโดยเหล่าผู้สร้าง NPC ที่ถูกแต่งตั้งในฐานะของฟลอร์การ์เดี้ยนที่อยู่เหนือ NPC คนอื่นๆทั้งหมด
NPC ระดับล่างที่เรียกว่า POP หรือก็คือ มอนสเตอร์ที่เกิดเองอัตโนมัติโดยระบบจ้างของ YGGDRASIL—สถานะของพวกมันขึ้นอยู่กับเลเวลและอาชีพเป็นหลัก โดยไม่คำนึกว่าเกิดจากชั้นไหน
ในกรณีนี้ พวกเขาควรจะจัดระดับของอันเดดที่ไอนซ์เป็นคนสร้างเช่นไร ?
นี่เป็นคำถามที่ผู้ดูแลเหล่าฟลอร์การ์เดี้ยน—อัลเบโด้—เป็นกังวลที่สุด เธอควรจัดที่ให้พวกมันเหมือนกับ NPC คนอื่นๆหรอเปล่า ?
พอถามไอนซ์เขาก็บอกว่าเขาไม่สนใจหรอกถึงแม้อัลเบโด้จะจัดที่ให้อันเดดที่เขาสร้างไปอยู่ด้านหลังสุด
แม้ว่าจำนวนอันเดดที่ไอนซ์สามารถสร้างได้ในแต่ละวันจะมีจำนวนจำกัด แต่การสร้างอันเดดนั้นไม่จำเป็นต้องใช้อะไรเลยนอกจากมานาและศพ เมื่อเทียบกับบริวารระดับสูงแล้วต้องใช้ทองจาก YGGDRASIL หรือเงินจริงๆในการสั่งให้มันเกิด เป็นที่รู้กันว่าอันเดดเหล่านั้นมีค่ามากสำหรับไอนซ์
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงมุมมองของไอนซ์เพียงคนเดียว ซึ่งแตกต่างจากความคิดของเหล่าบริวารของเขาโดยสิ้นเชิง ตอบรับต่อคำพูดของเจ้านายเธอ อัลเบโด้ ก็พูดว่า “ ทราบแล้วคะ “ นับครั้งไม่ถ้วนที่เธอพยายามให้ตำแหน่งออกมาดีที่สุด ดูเหมือนอัลเบโด้เริ่มจะมีปัญหาแล้ว
หลังจากใช้มันสมองทั้งหมดที่เธอมี สุดท้ายอัลเบโด้ก็จัดให้อันเดดอยู่หลังเหล่า NPC และอยู่ด้านหน้าของพวก POP ที่เกิดขึ้นเอง
ระหว่างที่เกิดเรื่องต่างๆ ไอนซ์ก็เฝ้าดูการจัดตำแหน่งของอัลเบโด้จากแท่นบัลลังก์ โดยวางมาดของผู้ปกครองอันยิ่งใหญ่ การปรากฏตัวของไอนซ์นั้นอยู่ทั่วห้องบัลลังก์
( น่าจะหมายถึงออร่าสิ้นหวัง ) เต็มไปด้วยหัวข้อของความน่าเกรงขามของเขาต่อผู้คนที่มารายงานตัว ทุกคำบัญชาที่ไอนซ์สั่งออกไปนั้นเป็นดั่งคำสั่งของพระเจ้า
“ ก่อนที่จะเริ่มการประชุม ข้าอยากจะขอขอบคุณเซบาสและโซลูชั่นสำหรับความพยายามในการรวบรวมข้อมูลในเดือนก่อน พวกเจ้าทำได้ดีมาก “
มองดูทั้งคู่คำนับ ไอนซ์หยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แต่ ปัญหาจริงๆสำหรับไอนซ์ก็เริ่มขึ้นแล้ว มันยากมากสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างไอนซ์ที่จะเล่นเป็นผู้ปกครองอันยิ่ง ใหญ่ ยิ่งต้องมาเผชิญหน้ากับเหล่าบริวารนับไม่ถ้วนที่แสดงการเคารพและรักก็เพียง พอที่จะทำให้เกิดความกดดันมากมาย
ไอนซ์รู้สึกปวดท้องและหัวใจที่เต้นเร็วมาก แม้ว่าอวัยวะเหล่านี้ไม่น่าจะมีอยู่ในตัวของอันเดดที่ไม่มีอะไรเลยนอก จากกระดูกอย่างเขาก็ตาม อย่างไรก็ตามความรู้สึกนี้ก็เป็นเพียงความรู้สึกส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นเพียง ชั่วครู่เท่านั้น ถึงแม้นี่จะเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ไอนซ์อยากจะวิ่งหนีไปซะ แต่สถานะพิเศษของอันเดดในตัวเขาก็ดึงสติของเขากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
ในที่สุดไอนซ์ก็กลับมาวางมาดของผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง
“ ทั้งคู่ ก้าวออกมาข้างหน้า “
เซบาสและโซลูชั่นยืนขึ้นพร้อมกันและก้าวออกมายังด้านหน้าของบัลลังก์ราวกับ ผ่านการฝึกซ้อมมาก่อนหน้านี้แล้ว พอพวกเขามาถึงบริเวณที่อัลเบโด้ยืนอยู่ ทั้งคู่ก็คุกเข่าลงและโค้งคำนับอีกครั้ง
“ เงยหน้าขึ้น สำหรับผลงานที่โดดเด่นของพวกเจ้าทั้ง 2 สมควรที่จะได้รับคำชมและรางวัลจากข้า “
ไอนซเบนสายตาของเขาไปที่เซบาส และพูดว่า
“ เซบาส แม้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าจะได้ทำการร้องขอชีวิตของซัวเร่ไว้ แต่เหตุผลนั้นเป็นเพราะข้าตัดสินใจที่จะปกป้องเธอเพราะหนี้ส่วนตัวของข้า เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณต่อคนๆนึง ( น่าจะหมายถึงนินญานักเวทย์กลุ่มดาบดำเผื่อคนยังไม่ได้อ่านเล่ม 5 รอผู้รู้มาตอบอีกทีผมอ่านผ่านๆเฉยๆ ) ดังนั้นมันจึงไม่มีผลต่อความสำเร็จของเจ้าก่อนหน้านี้ เช่นนั้น ข้าจะเปิดโอกาสให้เจ้าขอรางวัลที่เจ้าต้องการอีกครั้ง เอาละ บอกสิ่งที่เจ้าต้องการมา! “
การให้รางวัลกับข้ารับใช้ที่ทำงานได้ดีในภารกิจที่พวกเขาได้รับ ไอนซ์หวังว่ามันจะเป็นแรงกระตุ้นในการทำงานของข้ารับใช้คนอื่นๆให้ดียิ่ง ขึ้น เช่นนั้นไอนซ์จึงใช้ประสบการณ์ที่เขาได้รับจากสังคมมนุษย์เพื่อที่จะสร้าง ฉากนี้โดยให้ข้ารับใช้คนอื่นๆเป็นพยานในการมอบรางวัล นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงอนุญาตให้บริวารมากมายเข้า มายังห้องบัลลังก์
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในตอนนี้อยู่ในภาวะที่เสี่ยงมาก ต่อหน้าเหล่าบริวารของเขา ไอนซ์ต้องรักษาการวางตัวและท่าทางของผู้ปกครองที่มีความสามารถในความเป็นผู้ นำเอาไว้ สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างไอนซ์ นี่เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะคงรักษาท่าทางต่างๆเอาไว้ แต่กระนั้น ในฐานะสมาชิกคนสุดท้ายที่ยังคงเหลืออยู่ของมหาสุสานนาซาริค เขาจะต้องเอาชนะความท้าทายนี้ให้ได้
เราไม่อาจทรยศต่อความเชื่อใจและความคาดหวังของเหล่า NPC ที่แสดงความจงรักภักดีต่อเราได้
เพียงแค่ไอนซ์เปลี่ยนความตั้งใจของเขา เซบาสก็ถึงกับตัวสั่น
“ ความจงรักภักดีของกระผมที่มีต่อท่านไอนซ์เป็นเพียงเหตุผลเดียวที่กระผมมีชีวิตอยู่ กระผมไม่ต้องการ— “
อย่างที่คิด ข้ารับใช้ของเรามีความจงรักภักดีมาก นี่ทำให้ความกดดันทั้งหมดมีมากขึ้นไปอีก
“ ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า แต่ยังไงซะทำงานดีก็ย่อมได้รับรางวัล นี่เป็นสิ่งที่เจ้านายอย่างข้าควรจะทำ บางครั้งการที่ลูกน้องขาดความต้องการก็ทำให้เจ้านายไม่มีความสุข “
“ อ้า! โปรดรับคำขอโทษของกระผมด้วยท่านไอนซ์ ถ้าอย่างนั้น ... “ หลังจากใช้เวลาคิดอยู่ชั่วขณะ เซบาสก็พูดว่า “ กระผมอยากจะขอเสื้อผ้าและเครื่องใช้สำหรับซัวเร่ที่กรุณารับไว้ภายใต้การ ดูแลของท่านไอนซ์ “
“ ... ข้าจะให้เสื้อผ้าจากคอลเลคชั่นส่วนตัวของข้า เจ้าจะว่ายังไง ? “
ใน YGGDRASIL สกินตกแต่งนั้นมีจำนวนจำกัด ถ้าหากพลาดการซื้อไป เป็นเรื่องยากมากที่จะได้มาอีก ดังนั้น ผู้เล่นที่ต้องการจะซื้อสกินใหม่สักชิ้นจะดูที่ความเหมาะสมเป็นหลัก สิ่งนี้เองก็เหมือนกับไอนซ์และเพื่อนของเขาเพราะว่าในกิลด์นั้นมีสมาชิกที่ เป็นผู้หญิงอยู่ด้วยตลอดจนเหล่า NPC สาวมากมาย บ่อยครั้งที่ไอนซ์ซื้อสกินโดยไม่คำนึงว่ามันเป็นของผู้ชายหรือว่าผู้หญิง ตราบเท่าที่มันออกมาดูดี บางครั้งเขาให้มันกับสมาชิกที่พลาดการซื้ออยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ค่อยเจะเกิดขึ้นสักเท่าไหร่
สมาชิกกิลด์ที่สร้างแชลเทีย เพโรโรนชิโน่เองก็เคยแบ่งของที่ไอนซ์ชอบมาให้กับเขาเช่นกัน และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาพูดว่า “ การซื้อสกินก็เหมือนกับการซื้อเครื่องช่วยตัวเอง โดยไม่สนว่าคุณจะได้ใช้มันหรือเปล่า มันก็ดีกว่าที่จะต้องไปเลียนแบบร้านที่ไหนสักแห่ง “
เพราะแบบนี้ ตู้เสื้อผ้าของไอนซ์หลังจากนั้นก็เต็มไปด้วยเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นงานฝีมือแต่มันก็ยังคงไร้ประโยชน์อยู่ดี บางทีนี่อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดโดยการให้มันกับซัวเร่ ตอนนี้ไอนซ์คิดย้อนกลับไปว่าเสื้อผ้าจาก YGGDRASIL นั้นมีการออกแบบที่หลากหลายแต่ก็คงจะมีชุดที่เหมาะกับซัวเร่อยู่บ้าง
“ ไม่ดีกว่าขอรับ นั่นมันมากเกินไป ซัวเร่ได้รับความเมตตาจากท่านไอนซ์แล้ว การมอบเสื้อผ้าของท่านไอนซ์ให้กับเธอดูจะไม่เหมาะเท่าไหร่ “
“ อย่างยังรึ ? ... ถ้าอย่างนั้น ข้าควรจะทำอย่างไรกับเสื้อผ้าพวกนั้นดี ... “
สำหรับไอนซ์ที่ไม่เคยซื้อเสื้อผ้าผู้หญิงมาก่อน นี่ค่อนข้างจะเป็นปัญหา ถ้าหากเขาเข้าใจผิดและมันกลายเป็นเรื่องลามกละ ? ชื่อเสียงของเขาในหมู่หญิงสาวในมหาสุสานนาซาริคจะต้องเสื่อมเสียอย่างแน่นอน
“ ท่านจะว่าอย่างไรถ้าเราจะปล่อยเรื่องนี้ให้นาเบรัลจัดการ ? ปัญหาเล็กน้อยเช่นนี้ไม่ควรที่จะให้ผู้ปกครองสูงสุดของมหาสุสานนาซาริคอย่าง ท่านไอนซ์เก็บมาใส่ใจ “
เซบาสพูดขึ้นราวกับว่าสัมผัสได้ถึงความไม่สบายใจของไอนซ์
“ ... เจ้าว่าเช่นไร นาเบรัล ? “
ตอบสนองต่อคำสั่ง หนึ่งใน NPC ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าไอนซ์ก็ก้มหัวของเธอลง
“ ดีมาก เซบาส เรื่องนี้ข้าจะปล่อยให้นาเบรัลเป็นคนจัดการ แต่ว่า ... “ ไอนซ์ยิ้มกว้าง “ ข้าไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าเจ้าจะใช้สิ่งนี้เป็นการเดทและพาซัวเร่ไปซื้อเสื้อ ผ้าที่เมืองหลวงด้วย “
ไอนซ์รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเซบาสและซัวเร่แล้ว แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางกายกัน แต่มันจะต้องเกิดขึ้นในไม่ช้านี้แน่นอน นั่นเป็นเรื่องที่ไอนซ์ได้ยินมาจากเดมิเอิร์จ
ว่าแต่ทำไมเขาถึงเสนอว่าความสัมพันธ์ทางกายระหว่างเซบาสกับซัวเร่เป็นสิ่ง ที่ดีกัน ? เอาเถอะ ข้าเดาว่าเขาคงจะยินดีกับเพื่อนร่วมงานที่หาแฟนได้ บางทีพวกเขาอาจจะมีความสัมพันธ์ดีกว่าที่ข้าคิด ? สิ่งที่ดูไม่ค่อยลงรอยกันของทั้งคู่ในอาณาจักร ข้าก็พอที่จะเข้าใจสาเหตุอยู่ มันทำให้ข้าโล่งใจ การต่อสู้กันของทั้งคู่อย่างต่อเนื่องย่อมส่งผลเสียมากกว่าผลดี
เหตุผลของความขัดแย้งของสมาชิกกิลด์ทัชมี่และอัลเบิร์ตเนื่องจากเหตุผล บางอย่างนอก YGGDRASIL พูดง่ายๆก็คือความรู้สึกอิจฉาของอัลเบิร์ตที่มีต่อทัชมี่ในโลกจริง
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มที่จะแตกหักก็ตั้งแต่มีการโต้เถียงกันในครั้งนั้น ... บางทีนั้นอาจจะเป็นสาเหตุของทุกๆอย่าง
ถ้าเป็นไอนซ์ในตอนนี้บางทีเขาอาจจะเข้าใจสาเหตุของการโต้เถียงกันในครั้ง นั้นก็เป็นได้ ขณะที่กำลังรำลึกอดีต จู่ๆเสียงของเซบาสก็ทำให้ไอนซ์กลับมามีสติอีกครั้ง
“ ทำ—ทำได้หรือครับ ? ถ้าเช่นนั้น กระผมอยากจะขอพาซัวเร่ไปที่เมืองหลวงด้วย “
ไม่ใช่ว่าเราอยากจะทำลายความสัมพันธ์ของเขาเพียงเพราะว่าตัวเองไม่มีแฟนสักหน่อย
ถ้าทั้งคู่ไปถึงเมืองรีเอสไทซ์แล้วเราควรจะตามพวกเขาไปแล้วก็สวมหน้ากากแห่ง ความริษยาหรือเปล่า ? นั่นคงจะเป็นความคิดที่หน่อมแน้มน่าดู
“ แน่นอนว่าได้!!! ต่อไป โซลูชั่น บอกสิ่งที่เจ้าต้องการมา “
“ ... ดิชั้นจะยินดีมากถ้าจะได้รับมนุษย์สัก 2-3 คน ถ้าเป็นไปได้ดิชั้นอยากให้พวกเขามีชีวิตอยู่ แล้วก็ดิชั้นจะมีความสุขมากกว่านี้ถ้ามนุษย์ที่ดิชั้นได้มาดูสะอาด “
ใบหน้าของมนุษย์ที่ถูกจับมาได้ปรากฏขึ้นในความคิดของไอนซ์ ส่วนมากพวกที่ถูกจับตัวมานั้นยังคงมีชีวิตอยู่และเป็นสมาชิกของกลุ่ม “ เอท ฟิงเกอ “ เป็นพวกชั่วช้าโดยส่วนมาก ในจำนวนนั้น จะถูกทรมานและรีดเอาข้อมูลที่มีประโยชน์ออกมา ส่วนพวกที่ยังเหลืออยู่จะถูกดูแลอยู่ภายใต้การขุมขัง
เราจะเอาพวกนั้นให้กับโซลูชั่นไม่ได้ เพสโทนญ่าและนิเกรโด้จะเสี่ยงชีวิตต่อต้านคำสั่งของเราเพื่อช่วยพวกนั้น
“ เป็นอันว่าข้าจะให้มนุษย์กับเจ้าเป็นรางวัลตามที่เจ้าต้องการ แต่ว่าพวกเขาคงจะไม่สะอาดสักเท่าไหร่ อภัยให้ข้าด้วยที่ไม่สามารถทำให้คำขอของเจ้าสมบูรณ์ได้ “
“ โปรดอย่าขอโทษเลยท่านไอนซ์ ดิชั้นทราบดีว่าความสำเร็จของดิชั้นนั้นยังคงมีข้อบกพร่องอยู่ ดังนั้นดิชั้นควรจะพึงพอใจกับรางวัลที่ได้รับ “ โซลูชั่นพูดพร้อมกับโค้งคำนับ
ไอนซ์พยักหน้าให้กับโซลูชั่น
“ ... งั้นรึ ? ขอบใจเจ้าทั้งสองมากกลับไปประจำที่ของเจ้าได้ ต่อไปเอนโทมะ ก้าวออกมาข้างหน้า “
เหมือนกับเซบาสและโซลูชั่น เอนโทมะก้าวออกมาด้านหน้าไอนซ์และคุกเข่า
“ เอาละ เอนโทมะ “
“ ค่ะ! “ ( ตรงเสียงของหนูเอนจะแหบจากเล่มก่อนไม่รู้จะเขียนออกมายังไงจินตนาการเอาเองเน้อ )
ยากที่จะเข้าใจเสียงของเธอ ไอนซ์ได้แต่ยิ้มแหยงๆ
“ ดูเหมือนเสียงของเจ้าจะยังไม่หายดีสินะ “
แมลงที่เอนโทมะใช้เป็นกล่องเสียงนั้นไม่สามารถเกิดเองได้เหมือน POP แต่ว่ามันก็สามารถใช้ไอเทมจาก YGGDRASIL เรียกมันออกมาได้เช่นกัน ภายในห้องของเอนโทมะนั้นมีพวกมันอยู่อีก 2-3 ตัว ดังนั้นเธอสามารถกลับมามีเสียงปกติได้ตลอดเวลาที่เธอต้องการ ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงยังไม่ทำนั้นน่าจะเป็นเพราะความแค้นส่วนตัว
“ เสียงของข้าแหบเกินไปรึเปล่า ? ถ้าอย่างนั้นข้าจะกลับไปเปลี่ยนมันทันที “
“ ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้ไม่ชอบเสียงของเจ้า “
“ ขอบพระคุณมากคะ! “
“ สำหรับความต่อเนื่องของภารกิจที่เจ้าได้รับถึงแม้ว่าเจ้าจะได้รับบาดเจ็บ อยู่บ้าง แต่เจ้าก็ทำได้ดี ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ยังไม่เพียงพอที่จะได้รางวัลในระดับเดียวกับสองคนก่อน เอาละเจ้าอยากได้อะไร ? “
รางวัลไม่ควรได้มาง่ายจนเกินไป มิเช่นนั้นรางวัลที่ได้มันจะไม่มีค่าเลยและจะทำลายเป้าหมายที่วางไว้ทั้งหมด
ในความคิดของไอนซ์เขาคิดว่าความสำเร็จของเอนโทมะนั้นยังคงมีข้อผิดพลาดอยู่ สำหรับการที่จะได้รับรางวัล แต่ยังไงซะการที่ต้องมาได้รับบาดเจ็บแล้วยังไม่ได้อะไรตอบแทนเลยมันก็ดูจะ น่าสงสารไปหน่อย
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าพัลเพิล ฮาร์ต งั้นหรอ ? ( ราวๆเหรียญรางวัลของพวกที่บาดเจ็บระหว่างทำภารกิจ ) เราไม่มีความรู้ด้านทางทหารซะด้วยสิ ถ้าคนๆนั้นอยู่ที่นี่ด้วยบางทีเค้าคงจะสามารถอธิบายมันให้เราได้
จู่ๆไอนซ์ก็คิดถึงสมาชิกกิลด์ที่เป็นโอตาคุเรื่องทหารขึ้นมา
“ ถ้าอย่างนั้น ... ท่านไอนซ์ ถ้ามีโอกาสที่จะฆ่ายัยเด็กเหลือขอนั่นขึ้นมา โปรดบอกให้ข้ารู้ด้วย ข้าจะทำให้เธอรับรู้ถึงความรู้สึกที่ต้องสูญเสียเสียง “
ไอนซ์รู้ได้ทันทีว่าเอนโทมะหมายถึงอีวิลอาย เมจสาวที่ใส่หน้ากากแปลกๆ ไอนซ์ให้สัญญาว่าเขาจะบอกเธอเมื่อถึงเวลา
“ ก็ได้ ถ้าเวลานั้นมาถึง ข้าจะบอกเจ้า กลับไปประจำที่เจ้าได้ “
มองเอนโทมะกลับไปยังจุดที่เธอยืนอยู่ ไอนซ์ก็เริ่มพูดอีกครั้ง “ เอาละ จากนี้เราจะเข้าสู่วาระการประชุมต่อไป “
ไม่มีการคัดค้านเกิดขึ้น สำหรับไอนซ์นี่ไม่ใช่สิ่งที่ไม่จำเป็น
ในฐานะผู้ปกครองสูงสุดของนาซาริค แม้ว่าไอนซ์จะบอกว่าสิ่งนั้นมีสีขาวทั้งๆที่มันเป็นสีดำ ก็จะไม่มีใครคิดว่ามันเป็นสีดำ ความเงียบก่อนหน้านี้อาจจะหมายถึงไม่มีใครคัดค้านแต่ก็ไม่ได้หมายความว่า สิ่งที่ไอนซ์ทำจะถูกต้องเสมอไป
เราควรจะสร้างแผนกต่างๆแยกออกมาดีรึเปล่านะ ? อย่างเช่นแผนกบัญชี
สิ่งแรกที่เราควรจะสร้างน่าจะเป็นแผนกประเมินการมีส่วนร่วมของแต่ละคนในนาซา ริคและของรางวัลที่เหมาะสมสำหรับกับพวกเขา แต่นี่อาจจะเป็นปัญหากับเซบาสในเรื่องก่อนหน้านี้ได้ NPC ทุกคนในนาซาริคนั้นให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อไอนซ์นั้นเป็นเรื่องจริงและ ยังทำงานโดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทนอีก มันค่อนข้างยากสำหรับพวกเขาที่จะกำหนดลำดับความเหมาะสม ไปๆมาๆการตัดสินใจทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับไอนซ์
ในฐานะขององค์กรแล้ว การกระทำและเป้าหมายทั้งหมดจะต้องชัดเจน ... แต่สุดท้าย ไอนซ์ก็ปล่อยให้อัลเบโด้เป็นคนจัดการกับปัญหาทุกอย่าง และตอนนี้ปัญหานั้นก็กำลังจะกลับมากวนใจเค้า นี่มันเกินกว่าขีดจำกัดของคนทั่วๆไปแล้ว ดูเหมือนประสบการณ์ที่เราได้เจอในสังคมมนุษย์หลังจากใช้ชีวิตกับเรื่องนี้ เป็นเวลานานจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย
สุดท้าย ไอนซ์หรืออีกชื่อสุซุกิ ซาโทรุ ก็ต้องจัดการกับปัญหาเหล่านี้และเป็นคนกำหนดของรางวัลด้วยตัวเอง อย่างน้อยมันก็ดีกว่าไปนั่งหาสาเหตุของกลิ่นแปลกๆบนเตียงของเค้า
“ ถึงเวลาที่จะบอกเป้าหมายของนาซาริคให้ทุกคนรู้แล้ว เดมิเอิร์จ มายืนข้างๆข้า “
ผู้ครอบครองสติปัญญาที่สูงที่สุดในนาซาริคก้าวไปยังราชบัลลังก์ และยืนในตำแหน่งตรงข้ามกับอัลเบโด้
“ ผู้ดูแลเหล่าฟลอร์การ์เดี้ยนอัลเบโด้ และมันสมองของนาซาริคเดมิเอิร์จ ข้าขอสั่งให้เจ้าทั้งสองอธิบายแผนการของพวกเรา แผนการที่ดำเนินมาได้ครึ่งทางและกำลังจะประสบความสำเร็จ ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ทุกๆคนจะได้รับรู้ถึงเป้าหมายทั้งหมดที่นาซาริคจะทำ ถ้ามีใครในที่นี้มีความเห็นที่แตกต่าง ให้ยกมือขึ้นได้ทันที ข้ายินดีที่จะให้เจ้าได้ออกความเห็น “
เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของไอนซ์คือการดำรงรักษาการคงอยู่ของนาซาริคเอาไว้ ไม่ว่าในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ถึงแม้ว่าเขาจะต้องทิ้งนาซาริค ไอนซ์ก็ยังจะรู้สึกดีตราบเท่าที่เหล่า NPC ที่ถูกสร้างโดยเพื่อนๆของเขาปลอดภัย
เป้าหมายที่สองก็เพื่อที่จะทำให้ชื่อของไอนซ์ โอล โกวน รู้จักไปทั่วโลก นี่เป็นความหวังเล็กน้อยถ้าเพื่อนๆของไอนซ์อยู่ในโลกนี้ด้วย พวกเขาก็จะได้กลับมารวมตัวกันได้อีกครั้ง ถึงแม้ว่ามันจะมีโอกาสที่จะเป็นความจริงยากมากก็ตาม
ข้อสามเพื่อที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้นาซาริค เป้าหมายนี้ควรที่จะได้รับความสำคัญมากกว่าเป้าหมายอื่นๆ มันเป็นความจริงที่ว่าหลังจากมายังโลกนี้ ไอนซ์รู้สึกว่ามหาสุสานนาซาริคจะไม่มีวันถูกโค่นและ “ ไอนซ์ โอล โกวน “ เป็นองค์กรที่แข็งแกร่งที่สุดที่มีอยู่ แต่ทว่าหากยังมีกลุ่มคนที่พยายามที่จะควบคุมแชลเทียอยู่แบบนี้ การเปิดเผยตัวต่อสาธารณะมากเกินไปอาจจะเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ไม่รู้ว่ามีจำนวนเวิลไอเทมอ ยู่เท่าไหร่แล้วด้วย ซ้ำยังมีความเป็นไปได้สูงที่ว่าอาจจะมีกิลด์ที่เราไม่รู้จักพัวพันอยู่ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการเพิ่มความแข็งแกร่งของนาซาริคจึงเป็นสิ่งที่ควร ทำ
ปัจจุบันแม้ว่านาซาริคจะได้กลุ่มลิซาร์ดแมนมาร่วมด้วยแล้ว แต่ไอนซ์ก็ยังคงทำการสร้างอันเดดเพื่อที่จะสร้างความแข็งแกร่งของกองทัพอัน เดดให้กับนาซาริคอยู่ต่อเนื่อง ทว่าเขายังคงต้องการสิ่งอื่นอีกมาเพิ่มอีก
เป้าหมายที่สี่ก็เพื่อที่จะสร้างเครือข่ายข้อมูลแต่นี่มีความเป็นไปได้ต่ำมากหลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อไม่นานมานี้
ไอนซ์เรียงลำดับความสำคัญของเป้าหมายต่างๆไว้ดังนี้ แต่ในฐานะของคนปกติแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วที่เขาจะสามารถทำได้ และเขาไม่มีทางที่จะรู้เลยหากเกิดข้อผิดพลาดในสิ่งที่เขาทำ
นี่เป็นเหตุผลที่ไอนซ์ต้องการยืมมันสมองของอัลเบโด้และเดมิเอิร์จที่ฉลาด มากๆ หากเป็นเพียงเรื่องทั่วๆไปไอนซ์ก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรที่จะยืมสติปัญญาของ พวกเขา หากทำเช่นนั้นตัวไอนซ์เองก็ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงอยู่ต่อหน้าทุกๆ คนด้วย
ทว่านั่นเป็นความคิดที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่
ในฐานะเจ้านายอย่างไอนซ์ โอล โกวน เหล่า NPC เชื่อมั่นในตัวเขา เขาจำเป็นที่จะต้องแสดงให้พวกเขาเห็นว่าเขานั้นเป็นผู้ปกครองที่แท้จริง
“ ทั้งสองคนพูดดังๆให้ทุกคนได้ยิน ทุกคนในห้องนี้ล้วนแต่เป็นหัวกะทิที่ถูกเลือกมาโดยฟลอร์การ์เดี้ยนของพวกเขา มันเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องให้พวกเขารับรู้ถึงแผนการที่พวกเราจะทำในอนาคต พวกเจ้าด้านล่าง จงตั้งใจฟังให้ดี “
ใช่แล้ว ถ้าเข้าตาจนขึ้นมาจริงๆไอนซ์ก็แค่ “ แกล้งทำเป็นเข้าใจสิ่งต่างๆและปล่อยให้
เดมิเอิร์จอธิบายทุกอย่างก็พอ “
“ เดมิเอิร์จ อธิบายสถานการณ์ปัจจุบันให้พวกเขาที แล้วก็ทำให้มันง่ายต่อการทำความเข้าใจด้วยละ ก่อนอื่นเริ่มจากเหตุการณ์ของพวกเราที่ต่อสู้กับอาณาจักรก็แล้วกัน “
“ ทราบแล้วครับ “ เดมิเอิร์จตอบพร้อมกับหันไปทางผู้เข้าร่วมประชุมเพื่อที่จะเริ่มการอธิบายของเขา
นั่นเป็นสิ่งที่ไอนซ์อยากจะได้ยิน กับเดมิเอิร์จแล้วการกระทำก่อนหน้านี้จะต้องมีเหตุผลอยู่แน่
“ อันดับแรก สถานการณ์ของอาณาจักรในตอนนี้ข้าสามารถลดอำนาจของกลุ่มขุนนางได้จากการช่วย เหลือของมาเร่ นิวโรนิสท์ และเคียวฮูคู ตอนนี้พวกเราได้ทำการแทรกแซงไปยังส่วนต่างๆของอาณาจักรอยู่ ในไม่ช้าคาดว่าอาณาจักรจะอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเรา “
“ ... เอ๋ ? “
ไอนซ์อุทานเบาๆ ทำไมเราจะต้องควบคุมอาณาจักรด้วย ? ดูเหมือนการอธิบายในครั้งนี้จะต่างจากสิ่งที่ไอนซ์คิดไว้ นั่นอยู่ในคำสั่งในการรวบรวมข้อมูลด้วย ?
ระหว่างที่ไอนซ์กำลังคิด เดมิเอิร์จก็หยุดพูดและมองมายังเขา เป็นอีกครั้งที่ไอนซ์รู้สึกดีใจกับร่างอันเดดของตัวเองที่ไม่ทำให้เขามีเห งือออก และมองกลับไปยังเดมิเอิร์จ
“ มีปัญหาอะไรรึ เดมิเอิร์จ ? “
“ ไม่ครับ ข้าแค่รู้สึกว่าท่านไอนซ์อยากจะพูดอะไรบางอย่าง “
“ อ้า อย่างนั้นรึ ? เจ้าคงเข้าใจผิดแล้วละ อธิบายต่อเถอะ บอกให้ทุกคนรู้เหตุผลที่พวกเราเข้าควบคุมอาณาจักร “
“ ครับ ถ้างั้น ทุกๆท่าน ข้าหวังว่าคงจะไม่มีใครในที่นี้โง่เขลาพอที่จะไม่รู้เหตุผลที่พวกเราเข้าควบ คุมอาณาจักรหรอกนะ นั่นก็เพื่อที่พวกเราจะได้เข้าใกล้ความปรารถนาที่แท้จริงของท่านไอนซ์ที่ ต้องการจะครองโลก “
ไอนซ์จ้องไปยังใบหน้าของทุกๆคนในห้อง จากที่เห็น ... ดูเหมือนว่าทุกๆคนจะรู้เรื่องนี้กันหมด
ยกเว้นตัวไอนซ์เอง
“ ... ครองโลก ? “
นี่มันเรื่องอะไรกัน ?! มันกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไง ? แน่นอน ไอนซ์ไม่ได้พูดมันออกมา
ไอนซ์พยายามใช้สมองของเขาคิดหาสาเหตุของเรื่องนี้ ไม่อยากจะเชื่อ ยากที่จะยอมรับ มันกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย ? เดิมทีเขาเพียงแค่ต้องการเคลื่อนไหวอยู่ในเงามืด เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการสร้างศัตรูที่ไม่จำเป็นและเพิ่มชื่อเสียงของ ไอนซ์ โอล โกวน รวมถึงการกลับมารวมตัวกันอีกครั้งของเพื่อนๆในอดีต
แต่ว่า ตอนนี้มันเป็นกลายเป็น—
ทำไมมันถึงกลายเป็นการครองโลกได้ ? มันเกิดเรื่องบ้านี้ได้ยังไง ?
แม้ว่าไอนซ์จะอยากพูดแบบนี้ แต่เขาก็ไม่มีความกล้าพอ
เหล่า NPC และข้ารับใช้ทุกคนล้วนแต่มีท่าทีอย่างที่บอก “ พวกเขาไม่มีใครแปลกใจ “ ราวกับว่าทุกคนรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเป้าหมายของไอนซ์ เหมือนกับว่ามีสายลมที่อ้างว้างพัดผ่านบัลลังก์ที่ไอนซ์นั่ง
ไอนซ์ โอล โกวน ผู้ยืนอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของมหาสุสานนาซาริค หลังจากใช้ความพยายามอย่างหนักในการทำสิ่งต่างๆ สุดท้ายมันก็มาพังลงที่นี่เพราะตัวของไอนซ์เอง ราวกับไอดอลน่าสงสารที่ไร้ซึ่งเงาของปาปารัซซี่ที่สูญเสียแฟนคลับของตัวเอง อัลบั้มของเธอขายไม่ออก ชะตาของไอนซ์เองก็คงไม่ต่างกัน ไอนซ์จินตนาการภาพเหล่านี้ในหัว ( ผู้แปล / ไม่เข้าใจความหมายที่จะสื่อ = = )
เราจะต้องยกเลิกแผนการนี้ ...
หลังจากคิดดูแล้ว การครองโลกก็ฟังดูไม่เลว
มันอาจจะไม่ง่ายเหมือนตอนเป็นเกม ยิ่งกับไอนซ์แล้วด้วย เส้นทางการครองโลกดูจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ มิหนำซ้ำชื่อเสียงที่ได้มา—มักจะเป็นชื่อเสียซะส่วนใหญ่—แต่นี่ดูจะเป็นวิธี ที่เข้าท่าที่สุดในการกระจายชื่อของไอนซ โอล โกวน
ปัญหาคือ ถ้าเพื่อนๆของไอนซ์รู้เรื่องนี้พวกเขาจะมีอาการยังไง ? ถ้าถึงตอนนั้นแค่ยอมรับผิดที่ไม่สามารถดูแลนาซาริคและขอโทษพวกเขาก็คงพอ ... ไอนซ์คิด
ยังมีเรื่องศัตรูที่ล้างสมองแชลเทียอีก เราจะแก้ตัวยังไงดี ... เราจะได้รับการอภัย ... ใช่มั้ย ?
หลังจากหาข้อแก้ตัวแล้ว ไอนซ์มองไปยังเดมิเอิร์จและพูดว่า
“ โอ้ ดูเหมือนเจ้าจะจำได้สินะ “
“ แน่นอนครับ ถ้ามันเป็นคำพูดของท่านไอนซ์ละก็ เดมิเอิร์จคนนี้ไม่มีวันลืม “
“ อย่างงั้นรึ ... เป็นเรื่องที่คุยกันตอนนั้นสินะ ? “
“ ถูกต้องแล้วครับ “
“ ... ตอนนั้นน่ะรึ ? “
“ ใช่แล้วครับ “
“ อ้า ตอนนั้นนั่นเอง ... ข้าพอใจเจ้ามาก เดมิเอิร์จ “
“ ขอบพระคุณมากครับ “
“ แต่ยังไงการครองโลกก็เป็นเรื่องยากอยู่ดี “
“ เป็นอย่างที่ท่านว่าครับ “
“ ถ้าอย่างนั้น ... เจ้าคิดว่าเราควรจะดำเนินแผนการยังไง ? “
ไอนซ์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกสรรเสริญ
“ ความสำเร็จของพวกเราในตอนนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของแผนการของพวกเราในอนาคต ข้ามีข้อเสนอ ข้าคิดว่าตอนนี้ได้เวลาที่นาซาริคจะเปิดเผยตัวตนสู่โลกภายนอกได้แล้ว หากเราไม่ทำเช่นนี้ มันจะกลายเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเราในการหาตัวของพวกที่ล้างสมองแชลเทียที่ ยังคงหลบซ่อนอยู่
“ ... มันก็จริงอย่างที่เจ้าว่า “
แบบนั่นมันดีแล้วหรอ ? ไอนซ์คิดว่าการซ่อนตัวนั้นปลอดภัยกว่า แต่เดมิเอิร์จกลับสรุปให้เราแสดงตัวต่อสาธารณะได้ยังไง ?
“ ดิชั้นเองก็เห็นด้วยกับหัวข้อนี้คะ ท่านไอนซ์ การเป็นที่รู้จักของพวกเรานั้นจะมีตัวเลือกที่มากขึ้น อย่างเช่นการตกลงเจรจา มันจะแตกต่างจากอะไรที่พวกเรากำลังทำอยู่ในตอนนี้ การหาเบาะแสต่างๆเองก็เช่นกัน นี่คือสิ่งที่ดิชั้นคิด “
หลังจากได้ฟังความเห็นของอัลเบโด้ ไอนซ์ก็สามารถยอมรับได้ในที่สุด และตอบว่า
“ เข้าใจแล้ว “
เมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่ในตอนนี้แล้ว มันก็ไม่เลว
“ โดยการเข้าควบคุมอาณาจักรจากภายใน พวกเราสามารถที่จะหลีกเลี่ยงการทำให้นาซาริคดูโดดเด่นได้ แต่ว่าดิชั้นไม่ชอบความคิดที่จะให้พวกเราไปเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอื่นเลย “
เดมิเอิร์จส่ายหน้าให้กับคำถามของอัลเบโด้
“ แน่นอนว่าไม่ อัลเบโด้ ข้าเองก็ไม่ต้องการเช่นนั้น นอกจากนี้ จากรายงานที่พวกเรารวบรวมมา สถานการณ์ในปัจจุบันของอาญาจักรนั้นไม่มีความน่าสนใจพอ นอกจากคนๆนึงแล้ว ( ใครหว่า ? ) ก็เหมือนกับประเทศอื่นๆ ข้าไม่คิดว่าสถานที่แบบนี้จะคู่ควรให้พวกเราไปอยู่ด้วย “
“ แล้วนั่นมันยังไงละ ? “
“ ถ้าพวกเราไปรวมเข้ากับประเทศอื่น การทำงานของพวกเราจะถูกจำกัด ถ้าการโจมตีแชลเทียเป็นฝีมือของประเทศอื่นละก็ พวกเราจะไม่สามารถใช้สิทธิในการโต้กลับได้ เช่นนั้น ... ท่านไอนซ์ “
เดมิเอิร์จมองไปยังไอนซ์ในฐานะที่เขาเป็นคนเสนอความคิด
“ ข้าเสนอให้พวกเราจัดตั้งประเทศที่มีชื่อเรียกว่ามหาสุสานนาซาริค “
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น